สนทนากับศิลปินสเปนสุดร้อนแรงเจ้าของการ์ตูนตลกร้ายสุดดาร์ก โจน คอร์เนลลา
16 มีนาคม 2562
สนทนากับศิลปินสเปนสุดร้อนแรงเจ้าของการ์ตูนตลกร้ายสุดดาร์ก โจน คอร์เนลลา
ถ้าพูดถึงชื่อ โจน คอร์เนลลา (Joan Cornellà) ในนาทีนี้ คงมีน้อยคนที่จะไม่รู้จักศิลปินนักวาดการ์ตูนชาวสเปนสุดร้อนแรง จากผลงานการ์ตูนที่มีเนื้อหาขบขัน พิลึกพิลั่นเหนือจริง ตลกร้ายที่เสียดสีสังคมได้อย่างแสบสันผู้นี้ไปได้
ผลงานของเขาได้รับการกล่าวขวัญอย่างมากในแง่ของความยียวนกวนประสาท ไปจนถึงความแรงทั้งเนื้อหาและแนวคิด ที่เล่นเอาคนดูเหวอแดรกไปตามๆ กัน ภายใต้ภาษาภาพวาดที่เรียบง่าย ไม่ซับซ้อน สีสันสดใสสนุกสนานของตัวการ์ตูนหน้ายิ้มแย้มอย่างเย็นชาหน้าตาย คอร์เนลลาถ่ายทอดเนื้อหาอันแปลกประหลาดไม่คาดฝัน พิลึกพิลั่นเกินจริง ไร้เหตุผลจนบางครั้งดูเหมือนเหลวไหลไร้สาระ ไปจนถึงล่อแหลม ที่ตีแผ่ด้านมืดและความสิ้นหวังของมนุษย์ด้วยท่าทีที่ดูเย้ยหยัน ในขณะเดียวกันก็กระตุ้นให้คิดตามอย่างจริงใจและตรงไปตรงมาอย่างยิ่ง
ในปี 2017 คอร์เนลลาเคยมีนิทรรศการแสดงเดี่ยวในประเทศไทยเป็นครั้งแรกที่ Future Factory Bangkok และร่วมแสดงงานในเทศกาลศิลปะ Hotel Art Fair Bangkok ในปี 2018 มาแล้ว และในเดือนพฤศจิกายนปี 2018 นี้ คอร์เนลลา ก็หวนกลับมาจัดนิทรรศการแสดงเดี่ยวให้คอศิลปะบ้านเราชมกันอีกครั้ง กับนิทรรศการที่มีชื่อว่า HAPPY ENDINGS (แฮปปี้ เอนดิ้งส์) ที่นำเสนอผลงานมากกว่า 80 ชิ้น ที่ชวนผู้ชมชาวไทยมาตีความหมายต่างมุมของจุดจบแสนหวานแต่มีลางร้ายในแบบที่คุณคาดไม่ถึง
ในโอกาสนี้ เราเลยขอนำเสนอบทสัมภาษณ์ของเขาเพื่อเป็นการต้อนรับการกลับมาเยือนเมืองไทยของเขาในนิทรรศการครั้งนี้กันเถอะ
WURKON:
แรกเลย คุณสนใจศิลปะมาตั้งแต่เมื่อไหร่
โจน คอร์เนลลา:
ตอนเด็กๆ ผมชอบวาดรูป ซึ่งก็คงไม่ต่างกับเด็กคนอื่นหรอกมั้ง แต่ต่างกันตรงที่ผมวาดมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ได้หยุดวาดเลย จากวันนั้นจนวันนี้
WURKON:
แล้วสภาพแวดล้อมรอบตัวล่ะคุณได้รับอิทธิพลทางศิลปะจากคนในครอบครัวบ้างไหม
โจน คอร์เนลลา:
พี่ชายของผมวาดรูปเก่งมาก และพ่อผมเองก็เป็นสถาปนิก ซึ่งน่าจะสิ่งอิทธิพลมาถึงผมเหมือนกันน่ะ
WURKON:
แล้วการ์ตูนล่ะ คุณหลงใหลอะไรเกี่ยวกับมัน
โจน คอร์เนลลา:
ตอนอายุหกเจ็ดขวบ ผมเริ่มสนใจการ์ตูนและวาดการ์ตูนทุกวัน พอผมโตขึ้นอีกหน่อย ผมก็เริ่มสนใจการ์ตูนใต้ดิน ในสเปนมีนิตยสารล้อเลียนอยู่หลายเล่ม ตอนผมอายุสิบ/สิบเอ็ด ผมเริ่มสนใจการ์ตูนสำหรับผู้ใหญ่ ตามพี่ชายของผม ซึ่งพ่อแม่ของผมเองก็ไม่ได้ชอบหรอกนะ แต่เขาก็ไม่ไม่ได้ห้ามอะไร ตอนอายุสิบสาม ผมเริ่มสนใจการ์ตูนใต้ดินของอเมริกัน แต่พอผมเข้าเรียนศิลปะในมหาวิทยาลัย ผมก็หันมาสนใจงานในแนวคอนเซ็ปช่วลอาร์ตและการถ่ายภาพ จนผมเลิกวาดรูปไปช่วงนึง หลังจากเรียนจบ ผมก็กลับมาวาดการ์ตูนให้นิตยสารล้อเลียนอยู่สองสามปี หลังจากนั้นด้วยเหตุผลบางอย่าง เขาก็ไม่ให้ผมวาดต่อ ผมก็เลยออกมาวาดการ์ตูนของผมเอง และนั่นก็เป็นงานที่ผมทำมาจนถึงทุกวันนี้
WURKON:
ดูงานในนิทรรศการของคุณหลายครั้ง คุณทำงานทั้งการ์ตูนช่อง และงานจิตรกรรมบนผ้าใบ ทำไมคุณถึงทำออกมาทั้งสองแบบ
โจน คอร์เนลลา:
ก่อนหน้านั้นตอนผมเริ่มวาดการ์ตูน ผมก็วาดเป็นเรื่องยาวห้าหกสิบหน้า เพราะตอนผมเริ่มทำงาน ผมใส่หลายสิ่งหลายอย่างลงในงานของผม เหมือนศิลปินที่เริ่มทำงานทุกคน ที่อยากใส่ทุกสิ่งทุกอย่างลงไปด้วยกัน แต่พอคุณเติบโตขึ้นในฐานะศิลปิน คุณก็เริ่มลดจำนวนของสิ่งเหล่านั้นลง ผมค่อยๆ ลดจำนวนหน้าลงเรื่อยๆๆ เป็นแปดหน้า หกหน้า สี่หน้า จนเหลือหน้าเดียว แล้วก็กลายเป็นภาพวาดบนเฟรมผ้าใบเฟรมเดียว ผมชอบวิธีการเล่าเรื่องให้จบในหน้าเดียว โดยทำให้น้อยและลดทอนที่สุด นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมผมถึงวาดออกมาเป็นงานจิตรกรรมแบบภาพเดียวโดดๆ
WURKON:
คุณได้ไอเดียมุกตลกร้ายๆ แสบๆ ในการ์ตูนของคุณมาจากไหน มีอะไรเป็นแรงบันดาลใจ
โจน คอร์เนลลา:
ผมชอบดูพวกทอล์กโชว์ของศิลปินเดี่ยวไมโครโฟนของอังกฤษอย่าง จอร์จ คาร์ลิน (George Carlin), หลุยส์ ซีเค. (Louis CK.) หรือ มอนตี้ ไพธอน (Monty Python) พวกเขาเจ๋งมากๆ ผมได้แรงบันดาลใจจากอารมณ์ขันของศิลปินตลกเหล่านี้อย่างมาก
WURKON:
มีมุกไหนที่ได้แรงบันดาลใจจากเหตุการณ์จริงบ้างไหม
โจน คอร์เนลลา:
ผมไม่เคยทำแบบนั้นนะ หรือถ้าผมทำ ก็อาจจะทำไปโดยไม่ได้ตั้งใจ และไม่รู้ตัว บางครั้ง เวลาผมวาดการ์ตูนออกมา ผมมักจะรู้สึกว่า โอมายก๊อด มันเหมือนเรื่องจริงเลยนี่หว่า แต่มันมักจะเป็นหลังจากที่ผมทำงานเสร็จออกมาแล้ว แต่มันไม่ได้เป็นความตั้งใจของผม ผมอยากให้การ์ตูนของผมดูเหนือจริงและไร้เหตุผลมากกว่า
WURKON:
เวลาดูงานของคุณ มันทำให้เรารู้สึกช็อก ไม่คาดฝัน และดูไร้ตรรกะไร้เหตุผล ซึ่งจะว่าไปก็คล้ายกับงานศิลปะของศิลปินเซอร์เรียลลิสม์ คุณได้แรงบันดาลใจจากกระแสเคลื่อนไหวทางศิลปะนี้บ้างไหม
โจน คอร์เนลลา:
ผมชอบเซอร์เรียลลิสม์ หนึ่งในคนทำหนังคนโปรดของผมคือผู้กำกับเซอร์เรียลลิสต์ หลุย บุนเยล (Luis Buñuel) นอกจากทำหนังแล้วเขายังมีงานเขียนด้วย ผมดูหนังของเขาบางเรื่องแล้วรู้สึกช็อกมาก แต่ผมคิดว่าเขาก็ยังมีด้านที่ตลกด้วย ซึ่งอาจเชื่อมโยงไปถึงคนทำหนังอีกคนอย่าง เดวิด ลินช์ (David Lynch) ซึ่งผมก็คิดว่ามันมีแง่มุมที่ตลกในงานของลินช์ด้วยเหมือนกัน และผมชอบมันมาก ผมสนใจในอะไรแบบนี้ บางครั้งเมื่อคนคิดถึงเรื่องตลกขำขัน เรามักจะมองว่ามันไม่ใช่งานศิลปะชั้นดีเหมือนศิลปะประเภทอื่นๆ เพราะมันเชื่อมโยงไปยังเรื่องบ้านๆ ไร้รสนิยม แต่ผมไม่คิดแบบนั้น นักวาดการ์ตูนคนโปรดตลอดกาลของผมอย่าง ชาร์ลส์ อดัม (Charles Addams) ที่เป็นคนสร้างการ์ตูน The Addams Family ขึ้นมา ผมว่าเขาเจ๋งมากๆ ผมไม่รู้ว่าทำไมคนถึงไม่คิดว่าการ์ตูนหรือเรื่องตลกสามารถเป็นงานศิลปะชั้นดีได้ อาจเพราะดูเป็นอะไรที่แมสเกินไปหรือเปล่า แต่ผมคิดว่ามันน่าจะมีความสำคัญเท่าๆ กับงานศิลปะแขนงอื่นๆ ด้วยเหมือนกัน ผมคิดว่าเรื่องตลกขำขันเป็นสิ่งที่โคตรจำเป็น เพราะชีวิตจริงเราต้องเจออะไรห่วยแตกอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันอยู่แล้ว
WURKON:
เวลาคุณวาดรูป คุณมักจะวาดไปถึงขอบด้านข้างของรูปด้วย มันมีความหมายอะไรเป็นพิเศษไหม
โจน คอร์เนลลา:
ไม่มีนะ ผมก็แค่อยากวาดให้มันเรียบร้อยแค่นั้นแหละ
WURKON:
เวลาคิดงานคุณมีการวางแผนก่อนไหม หรือทำออกมาเลย
โจน คอร์เนลลา:
เวลาคิดงาน ผมมักไม่ค่อยมีไอเดียตั้งต้น ผมมักจะใช้สัญชาตญาณในการทำงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาวาดการ์ตูนช่อง ผมมักจะสเก็ตซ์งานไปเรื่อยๆ ไม่ใช่เพ่ือวาดให้ออกมาสวยนะ แต่เป็นเหมือนการเล่นเกมไขปริศนา เราต้องเปลี่ยนเรื่องราว ส่วนผสม หรือตัวละครยังไงจนได้มุกเวิร์คๆ ออกมา ยิ่งผมคิดเกี่ยวกับมันมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งหักมุมมากขึ้น และน่าสนใจมากขึ้นเท่านั้น แต่บางครั้งก็ต้องบอกตัวเองว่า หยุดได้แล้วโว้ยย เช่นเดียวกับการทำงานจิตรกรรม จิตรกรควรต้องรู้ว่าเมื่อไหร่ที่เขาควรจะหยุด ไม่งั้นมันก็จะเละเทะได้ การวาดการ์ตูนก็เป็นเช่นเดียวกัน
WURKON:
คุณเป็นศิลปินที่แจ้งเกิดจากอินเตอร์เน็ตและโซเชียลมีเดีย แต่ในขณะเดียวกันคุณก็วิพากษ์วิจารณ์มันด้วย เอาจริงๆ คุณคิดยังไงกับมันกันแน่
โจน คอร์เนลลา:
ตอนที่ผมเอางานลงในโซเชียลมีเดีย สิ่งที่ผมตั้งใจตั้งแต่ตอนแรกก็คือ ผมอยากเข้าถึงคนให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมการ์ตูนของผมถึงไม่มีตัวหนังสือ และมีสีสันสดใส เพื่อดึงดูดคน เพราะก่อนหน้านี้ผมวาดการ์ตูนในสไตล์ขาวดำ ซึ่งทำให้เข้าถึงคนในวงกว้างได้ยากกว่า อาจจะเป็นเพราะเหตุนี้ แต่ผมก็ไม่ได้คาดหวังว่ามันจะเป็นที่ินิยมขนาดนี้ พอผมเปลี่ยนสไตล์งาน ผมมียอดฟอลโลเวอร์จากหลักหนึ่งพันเป็นหลักล้านในสัปดาห์เดียว มันเร็วมาก แต่ผมก็ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ที่งานของผมกลายเป็นไวรัลแบบนี้ อันที่จริง ผมก็ไม่ค่อยสนใจโซเชียลมีเดียของผมมากนัก ผมแค่โพสต์งานลงไป ก็แค่นั้น ผมไม่เข้าไปตอบคอมเมนต์ด้วยซ้ำ ผมรู้ว่าบางคนมีทริกในการเพิ่มยอดฟอลโลเวอร์ แต่ไม่ใช่สำหรับผม มันก็เป็นเหมือนพื้นที่แสดงงานนั่นแหละ จริงๆ ผมเองก็ไม่ค่อยชอบโซเชียลมีเดียหรอกนะ ในแง่ที่มันควบคุมคนในรูปแบบต่างๆ แต่ผมก็พูดได้ไม่เต็มปาก เพราะในทางกลับกันถ้าไม่มีมัน ผมก็คงไม่มายืนอยู่ตรงนี้ด้วยเหมือนกัน ผมเองก็ใช้ประโยชน์จากมันอยู่ มันค่อนข้างซับซ้อนอยู่เหมือนกันนะ
WURKON:
บางครั้งมุกตลกของคุณก็หลุดโลก ดูเลยเถิด และค่อนข้างรุนแรง และมีอารมณ์ขันที่ออกจะมีความไม่ถูกต้องทางการเมืองเอาการ คุณคิดว่าศิลปินควรจะมีขีดจำกัดหรือเส้นที่ไม่ควรจะข้ามไปไหม สำหรับคุณ เส้นนั้นคืออะไร
โจน คอร์เนลลา:
ผมคิดว่าทุกคนควรมีเสรีภาพในการพูดในสิ่งที่ตัวเองคิด ถึงแม้เรื่องนั้นจะเป็นการเหยียดผิวหรือเชื้อชาติ ผมไม่ชอบการเหยียดผิวนะ แต่ก็ควรเปิดโอกาสให้คนเหล่านั้นได้พูดออกมา เราจะได้รู้ว่าเขาเป็นคนแบบนี้นี่เอง บางคนดูงานของผมแล้วคิดว่าผมเป็นพวกเหยียดผิว เหยียดเพศ แต่มันเป็นการประชดประชันไง ผมต้องการพูดถึงสิ่งที่อยู่ตรงข้ามมากกว่า เหมือนที่ นอม ชอมสกี้ (Noam Chomsky) เคยกล่าวเอาไว้ว่า “คนทุกคนควรมีโอกาสพูดในสิ่งที่เขาอยากจะพูด ถึงแม้สิ่งที่เขาพูดจะไม่เหมือนเรา และเราไม่ชอบมันเลยก็ตาม” ตัวเขาเองก็เคยออกมาปกป้องเสรีภาพทางความคิดของคนที่ออกมาพูดว่าการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ยิวไม่มีอยู่จริง ทั้งๆ ที่ตัวเขาเองก็เป็นยิวด้วยซ้ำไป
WURKON:
คุณคิดยังไงกับการเซ็นเซอร์ตัวเอง
โจน คอร์เนลลา:
จริงๆ ในสเปนเองก็มีการเซ็นเซอร์ และมีศิลปินที่ต้องติดคุกเพราะแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประเด็นต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการเมือง ทั้งๆ ที่มันเป็นเสรีภาพทางการแสดงออกที่ไม่ได้ทำร้ายใคร คุณไม่ควรจับใครเข้าคุก เพียงเพราะเขาแสดงความคิดเห็น
ส่วนรื่องการเซ็นเซอร์ตัวเอง ผมคิดว่าเราทุกคนต่างเคยทำทั้งนั้นแหละ ไม่ว่ารู้ตัวหรือไม่ก็ตาม อย่างที่ผมบอกว่าผมไม่อยากโดนฆ่านั่นแหละ บางครั้งถามตัวเองว่า เหตุผลที่ผมไม่ชอบมุกตลกบางอย่างที่ผมคิดออกมานั้น เป็นเพราะผมเซ็นเซอร์ตัวเองหรือเปล่า? ผมว่ามันเป็นเส้นบางๆ นะ มันอาจจะเป็นเรื่องง่ายที่เราจะคิดว่าเราไม่เซ็นเซอร์ตัวเอง เพราะเราเป็นศิลปิน เราทำอะไรก็ได้ที่เราอยากทำ แต่ผมไม่เชื่อว่าคนเรามีเจตจำนงเสรีได้ขนาดนั้น ผมคิดว่าเราทุกคนมีรูปแบบหรือกรอบทางความคิดที่เราถูกกำหนดหรือปลูกฝังให้เดินตามอยู่ และมันไม่ง่ายเลยที่จะทำลายกรอบเหล่านั้นได้อย่างสิ้นเชิง ผมไม่คิดว่าคนเรามีเสรีภาพขนาดนั้น
WURKON:
คุณคิดว่าศิลปินควรจะต้องเสี่ยงไหม
โจน คอร์เนลลา:
ผมคิดว่าศิลปินควรจะต้องเสี่ยง มันเป็นสิ่งที่น่าสนใจที่สุดเกี่ยวกับศิลปะและความคิดสร้างสรรค์ มันเป็นการเล่นสนุก และเสาะหาสิ่งใหม่ๆ ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ถึงผมจะไม่เชื่อว่ามันมีอยู่จริงก็เถอะ มันเป็นการเสาะแสวงหาหนทางใหม่ๆ ของการเล่าเรื่องหรือแสดงเรื่องราวใหม่ๆ ห้ผู้คน นั่นเป็นความเสี่ยงที่ศิลปินจำต้องแบกรับ”
WURKON:
เวลางานของคุณถูกโจษขานจนอื้อฉาว คุณกลัวบ้างไหม
โจน คอร์เนลลา:
ผมไม่คิดว่าผมจงใจทำงานให้ออกมาอื้อฉาวนะ อาจจะมีบ้างบางครั้ง แต่โดยส่วนใหญ่ผมไม่เคยพูดอะไรออกมาตรงๆ หรือจงใจยั่วโมโหใครโดยเฉพาะ ผมว่างานของผมเป็นการล้อเลียนและเล่นตลกกับทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ถืออะไรเป็นจริงจัง แบบเดียวกับที่ศิลปินหลายคนในอดีต อย่างเช่นกลุ่ม ดาดา (dada) เคยทำ ผมว่าคนเราทุกวันนี้โคตรจะเครียด โคตรละเอียดอ่อน คุณแตะอะไรแทบจะไม่ได้เลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโซเชียลมีเดีย ทุกคนอ่อนไหวกันมาก ทุกคนถือทุกเรื่องเป็นจริงจัง โดยปกติผมไม่ค่อยอ่านคอมเมนต์ในโซเชียลมีเดียเท่าไรนะ แต่บางทีผมก็อ่านเหมือนกัน เมื่อไม่นานมานี้ มีคนมาคอมเมนต์ผมว่า “ผมเคยชอบงานของคุณนะ แต่คราวนี้คุณเลยเถิดเกินไปแล้ว ผมอันฟอลโลว์คุณละ!” โอเคเพื่อน ไม่มีปัญหา แต่ทำไมก่อนหน้านี้คุณชอบงานของผมล่ะ? ทำไมเราพูดเรื่องอื่นได้ทุกเรื่อง แต่พอเป็นเรื่องนี้เรากลับพูดไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องศาสนา การเมือง หรืออะไรก็ตาม ผมว่าทุกวันนี้เราโคตรเครียดกันฉิบหายเลย
แต่เอาจริงๆ ผมคงไม่วาดการ์ตูนแบบเดียวกับ ชาร์ลี เอ็บโด (Charlie Hebdo) หรอกนะ เพราะ หนึ่ง ผมยังไม่อยากถูกฆ่าตาย ซึ่งนี่เป็นข้อสำคัญที่สุด (หัวเราะ) และ สอง ผมไม่ชอบมุกตลกประเภทนั้น ผมคิดว่าบางครั้งเราก็ควรจะทำความเข้าใจกับวัฒนธรรมที่แตกต่าง เราไม่ควรจะใช้ความเป็นตะวันตกล่าอาณานิคมทางวัฒนธรรม หรือให้เอกสิทธิ์คนขาวหรือศิลปวัฒนธรรมของคนขาวว่าสำคัญกว่าชนชาติอื่นๆ แต่ในขณะเดียวกัน คุณก็ไม่มีสิทธิฆ่าคนเพียงเพราะคุณไม่ชอบที่พวกเขาเล่นตลกเหยียดหยามคุณ ผมปกป้องการเสียดสีประชดประชัน เราทุกคนควรมีเสรีภาพในการเสียดสี แต่บางครั้งเราก็มักจะแสดงออกว่าความคิดเห็นของเราดีกว่าคนอื่น แต่ปัญหาคือ คุณฆ่าคนด้วยเหตุผลนี้ไม่ได้ไง แค่เถียงกันก็พอไหม มันโคตรบ้าเลยน่ะ!
WURKON:
งานบางชิ้นของคุณมีมุกตลกเกี่ยวกับศาสนาเหมือนกัน คุณคิดยังไงกับศาสนา
โจน คอร์เนลลา:
บางครั้งผมก็เล่นตลกเกี่ยวกับศาสนานะ โดยเฉพาะศาสนาคริสต์ เพราะผมโตมากับมัน เอาจริงๆ ผมชอบศาสนาในแง่ของประเด็นทางจิตวิญญาณ ผมไม่ได้ต่อต้านศาสนาในแง่นั้น แต่ผมไม่ชอบการทำให้ศาสนาเป็นสถาบัน เพราะมันทำให้ศาสนาสูญเสียจิตวิญญาณของมันไป เช่นเดียวกับสิ่งอื่นๆ แต่ผมก็คิดว่าเราควรจะตั้งคำถาม หรือแม้แต่ล้อเลียนเล่นตลกกับมันได้ อย่างงานชิ้นนึงที่ผมวาดรูปพระที่เผาตัวเองเนี่ย คนที่เห็นภาพนี้หลายคนทำเหมือนกับผมเป็นคนจุดไฟเผาพระรูปนี้กับมือ ซึ่งผมไม่ได้เป็นคนทำไง ตรงกันข้าม ผมกำลังเสียดสีถึงการที่คนเราเพิกเฉยเย็นชาและเห็นเรื่องราวเหล่านี้เป็นเรื่องปกติธรรมดามากกว่า แต่ทำไมผมต้องคอยบอกทุกครั้งที่ผมประชดวะ! มันไม่ตลกไปหน่อยเหรอ จริงไหม?
WURKON:
คุณคิดว่าศิลปินควรข้องแวะกับประเด็นทางการเมืองไหม
โจน คอร์เนลลา:
ผมคิดว่าศิลปะทุกอย่างล้วนเกี่ยวข้องกับการเมือง ถึงแม้คุณจะไม่อยากให้มันเกี่ยวก็ตาม เพราะหนทางที่คุณใช้งานศิลปะนำเสนอเรื่องราว หรือพูดถึงสิ่งต่างๆ มันมีความเป็นการเมืองโดยตัวมันเองอยู่แล้ว
แต่ผมเองก็ไม่ชอบศิลปะการเมืองที่เป็นเครื่องมือโฆษณาชวนเชื่อ หรือคอยสั่งสอนคนว่าสิ่งนี้ถูกสิ่งนี้ผิด หรือศิลปะที่ยึดโยงตัวเองเข้ากับศีลธรรมจริยธรรมอันดี ซึ่งอันที่จริงสิ่งเหล่านี้อาจจะมีความสำคัญมากกว่าศิลปะด้วยซ้ำ แต่เมื่อคุณเอาสิ่งเหล่านี้เข้าไปปนเปกับศิลปะ มันก็จะทำให้ศิลปะสูญเสียจิตวิญญาณ และตายลงในที่สุด
WURKON:
พูดถึงนิทรรศการครั้งล่าสุดของคุณที่กรุงเทพฯ บ่าง ทำไมคุณถึงตั้งชื่อว่า "HAPPY ENDINGS” ล่ะ มันไม่ตรงกันข้ามกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในงานของคุณไปหน่อยเหรอ
โจน คอร์เนลลา:
ถ้าดูงานของผม คุณจะเห็นแฮปปี้เอนดิ้งตลอดเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการ์ตูนช่อง (หัวเราะ) ฮอลลีวูดมักจะแสดงให้เราเห็นแฮปปี้เอนดิ้ง และวัฒนธรรมป๊อปมักจะเต็มไปด้วยมุมมองแบบนี้ ซึ่งเหมือนกับจะบอกว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ทุกอย่างก็จะโอเคในตอนจบ ซึ่งมันเป็นอะไรที่โคตรจะไม่จริงเลย ถ้าคุณคิดว่าทุกอย่างจะจบลงอย่างสมบูรณ์แบบ คุณก็มีปัญหาแล้วล่ะ ผมใช้แฮปปี้เอนดิ้งในเชิงประชดประชัน หวังว่าคงจะไม่มีใครถือเป็นจริงเป็นจังนะ
WURKON:
แล้วคุณเชื่อในแฮปปี้เอนดิ้งไหม คุณคิดว่าชีวิตมนุษย์จะจบลงอย่างมีความสุขตลอดไปได้ไหม
โจน คอร์เนลลา:
ความสุข เป็นสิ่งที่ถูกประกอบสร้างขึ้นมา และมันมีความหมายที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับว่าใครเป็นคนตั้งคำถามถึงมัน บางครั้งมันอาจกลายเป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามกับของคนอื่นที่อยู่ร่วมในวัฒนธรรมเดียวกัน ผมคิดว่ามันเป็นความคิดที่โคตรจะอ่อนแอและเป็นนามธรรมเลยนะ แต่ผมคิดว่าบางคนสร้างแนวคิดเกี่ยวกับแฮปปี้เอนดิ้ง เพื่อทำให้เรื่องราวของพวกเขาอ่อนหวานงดงาม ซึ่งอันที่จริงเรื่องราวเหล่านั้นก็มีที่มาจากชีวิตจริงนั่นแหละ แต่เอาจริงๆ ชีวิตก็ต้องจบลงด้วยความตาย ซึ่งไม่ใช่ส่วนที่ดีที่สุดของชีวิตหรอกนะ
WURKON:
สังเกตว่าโดยปกติ ตัวละครในภาพของคุณมักจะมีใบหน้าที่ยิ้มแย้ม แต่ในนิทรรศการนี้ เราเห็นตัวละครตัวหนึ่งไม่ยิ้ม นี่เป็นความตั้งใจของคุณที่จะทำให้มันแตกต่างออกไปไหม
โจน คอร์เนลลา:
ใช่ ผมอยากทำอะไรที่แตกต่าง อย่างในชิ้นนี้ ดูเหมือนมันอาจจะสูญเสียเอกลักษณ์ในความเป็นงานของผมไป แต่ผมคิดว่ามันก็น่าจะตลกได้เหมือนกับงานชิ้นอื่นๆ อย่างน้อยที่สุดก็กับผมแหละนะ ถึงแม้คนในภาพนี้จะไม่ยิ้ม แต่ผมก็คิดว่ามันยังมีอารมณ์ขันในภาพนี้อยู่ดี ผมก็เลยคิดว่ามันเวิร์คนะ ผมว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของอารมณ์ขัน ที่เพิ่มเติมเข้ามาในงานของผม ในการสร้างความประหลาดใจให้ผู้คนด้วยส่วนผสมใหม่ๆ
WURKON:
ผลงานในนิทรรศการของคุณเป็นงานชิ้นใหม่หมดเลยไหม หรือมีงานเก่ารวมอยู่ด้วย
โจน คอร์เนลลา:
ในนิทรรศการนี้มีผลงานมากกว่า 40 ชิ้น ที่เป็นผลงานใหม่ที่ไม่เคยแสดงที่ไหนมาก่อน และมันก็มีผลงานบางชิ้นที่แสดงในประเทศอื่นๆ แต่ไม่ใช่ในประเทศไทย ผมพยายามทำงานที่มีความเชื่อมโยงกับประเทศไทยโดยเฉพาะ และผมคิดว่าผู้ชมที่นี่คงจะหาความเชื่อมโยงเหล่านั้นพบในงานบางชิ้น เพราะบางชิ้นค่อนข้างชัดเจน และบางชิ้นก็จัดเจนมากๆ แต่ผมปล่อยให้ผู้ชมชาวไทยหามันด้วยตัวเองดีกว่า
WURKON:
คุณตั้งใจทำให้งานในนิทรรศการนี้อ้างอิงถึงสถานการณ์ของประเทศไทยในปัจจุบันเหรอ
โจน คอร์เนลลา:
ใช่ ผมพยายามทำให้งานนี้เชื่อมโยงกับประเทศไทยหรือวัฒนธรรมไทย แต่อย่างที่บอกแหละ ว่าผมอยากให้ผู้ชมเป็นคนหามันด้วยตัวเองดีกว่า อย่างไรก็ตาม ผมคิดว่าผู้คนสามารถเชื่อมโยงผลงานของผมเข้ากับประเด็นในท้องถิ่น ถึงแม้ว่าผมจะไม่ตั้งใจให้เป็นอย่างงั้นก็ตาม ผมจึงชอบให้ผลงานของผมบอกเล่าด้วยตััวเองโดยไม่เข้าไปก้าวก่ายมากนัก ท้ายที่สุด ผู้ชมจะเป็นผู้ทำให้งานเหล่านี้สมบูรณ์ด้วยการตีความของพวกเขา โดยส่วนใหญ่ผมมักจะทำงานให้มีความเป็นสากล เพราะผมรู้สึกอยากให้งานของผมเป็นที่เข้าใจของคนให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ แต่ผมคิดว่าบางครั้ง ลองทำงานที่เชื่อมโยงกับสถานที่ที่ผมไปแสดงงานดูบ้าง ก็ดีเหมือนกัน
WURKON:
คุณทำผลงานที่แสดงในนิทรรศการเหล่านี้ในประเทศไทยด้วยไหม
โจน คอร์เนลลา:
ใช่ ผมใช้เวลาอยู่ในประเทศไทยก่อนที่จะมีนิทรรศการระยะหนึ่ง และทำงานใหม่จำนวนมาก ดังนั้นผลงานที่แสดงในนิทรรศการนี้หลายชิ้นทำขึ้นที่นี่ และตอนนี้ผมก็ยังวาดรูปอยู่ในกรุงเทพฯ อยู่เลย ใครจะไปรู้ สักวันผมอาจจะย้ายมาอยู่ที่ประเทศไทยก็ได้นะ
WURKON:
นั่นสิ เราเห็นว่าคุณมาแสดงงานในเมืองไทยหลายครั้งแลย คุณชอบเมืองไทยตรงไหนเหรอ
โจน คอร์เนลลา:
ผมรักประเทศไทยนะ ปีที่แล้วผมมาที่นี่เป็นครั้งแรก และมีนิทรรศการเปิดตัวที่นี่ และได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี ผมเลยคิดว่ามันคงดี ถ้าจะกลับมาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ผมยังร่วมแสดงในเทศกาลโฮเตลอาร์ตแฟร์ด้วย ผมชอบที่นี่มาก แต่หลังจากนี้เรื่องนิทรรศการคงขอพักไว้ก่อน ตอนนี้ขอพักก่อน
WURKON:
ในนิทรรศการนี้ คุณต้องเซ็นเซอร์ตัวเองหรือมีใครมาเซ็นเซอร์งานของคุณไหม
โจน คอร์เนลลา:
ในนิทรรศการนี้ไม่มีนะ แต่ปีที่แล้ว ผมเซ็นเซอร์ภาพโปรโมทของนิทรรศการ มันเป็นภาพพระที่เผาตัวเอง และมีคนเตือนให้ผมเปลี่ยนมัน เพราะคนไทยค่อนข้างอ่อนไหวเกี่ยวกับประเด็นทางศาสนา ผมไม่คิดว่าการเซ็นเซอร์ตัวเองเป็นความคิดที่ดี แต่บอกตามตรงเลยว่าผมก็ทำมัน ผมไม่ได้อยากสร้างความขุ่นเคืองให้ใครด้วยงานของผม แต่ก็จะมีบางคนที่ขุ่นเคืองเสมอ ในสิ่งที่คุณทำ คุณทำให้ทุกคนพอใจไม่ได้ ผมคิดว่ามันมีปัญหาใหญ่เกี่ยวกับประเด็นเรื่อง ความถูกต้องทางการเมือง (Political Correctness) ซึ่งผมคิดว่า โดยส่วนใหญ่มันมาในรูปแบบของอำนาจรัฐ และการควบคุมตัวเอง มันไม่อนุญาตให้เราแสดงออกตัวตนของเราอย่างเสรี สิ่งนี้คือรูปแบบของการเซ็นเซอร์ในยุคสมัยใหม่ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมผมถึงคิดว่างานของผมเกี่ยวข้องกับสิ่งเหล่านี้ และผมหวังว่างานของผมจะสามารถเอาชนะการปิดกั้นและอคติเหล่านี้ได้ ยกตัวอย่างเช่น มีบางคนคิดว่างานของผมเหยียดสีผิว ซึ่งอันที่จริงผมอยากจะพูดถึงสิ่งที่ตรงกันข้ามมากกว่า เหมือนพวกเขาไม่รู้ว่าการประชดประชันคืออะไร ผมทำงานเกี่ยวกับการเหยียดผิวและการเหมารวม เพื่อแสดงความคิดในเชิงต่อต้านมัน และผมต้องการให้งานของผมเปิดกว้างต่อการตีความอันหลากหลาย เพราะผมไม่ชอบความคิดเรื่องความดีความชั่วแบบขาวจัดดำจัด ผมไม่ชอบคนที่คอยสั่งสอนคนอื่น ว่าอะไรคือสิ่งที่ถูกหรือผิด สิ่งที่ผมชอบก็คือการที่คนเราสามารถคิดด้วยตัวเอง และมีความคิดในเชิงวิจารณ์ได้
WURKON:
คุณคิดยังไงกับสถานการณ์ทางการเมืองของไทยเวลานี้
โจน คอร์เนลลา:
อืมม์ ผมไม่ใช่แฟนตัวยงของเผด็จการนะ ผมชอบประชาธิปไตยมากกว่า แต่อย่างที่บอกว่า แม้แต่ในประเทศของผมก็ยังมีอาการและทัศนคติบางอย่างของรัฐบาลที่ย้ำเตือนให้เรารำลึกถึงตอนที่ประเทศเรายังเป็นเผด็จการ สเปนเคยปกครองด้วยระบอบเผด็จการมายาวนานถึง 40 ปี และมันเป็นช่วงเวลาที่โคตรเลวร้าย แต่ดูเหมือนว่าทุกวันนี้เรากำลังถอยหลังกลับไปหามัน ในแง่ของสิทธิพลเมือง และเสรีภาพในการพูด มีผู้คนถูกจับเพราะวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล หรือพูดความจริงเกี่ยวกับอำนาจอันฉ้อฉล แร็ปเปอร์บางคนถูกดำเนินคดีเพราะเนื้อหาในบทเพลงของพวกเขา ผมได้ยินว่ามีอะไรแบบนี้เกิดขึ้นที่เมืองไทยเหมือนกัน ผมขอแสดงความนับถืออย่างสุดหัวใจ ต่อผู้คนเหล่านี้.
ภาพถ่ายบุคคลโดย ศุภชัย เกศการุณกุล
ภาพถ่ายผลงานในนิทรรศการ HAPPY ENDINGS จาก บริษัทฟาร์มกรุ๊ป, นาเดีย-เค จำกัด, จิราภรณ์ อินทมาศ, ทอม โพธิสิทธิ์
ติดตามข้อมูลเพิ่มเติม ที่ https://joancornella.net/, https://www.facebook.com/joancornella, Instagram: @ sirjoancornella
#WURKON #art #exhibition #joancornellà #happyendings #bangkoksoloexhibition #WOOFPACK #comic #illustrator #darkhumor #blackcomedy #satire #society #crazy #surreal #การ์ตูนหกช่อง #จิตรกรรม #ตลกร้าย #เสียดสีสังคม #พิลึกพิลั่น #เหนือจริง #แรงบันดาลใจจากงานศิลปะ
สัมผัสแรงบันดาลใจจากความคิดสร้างสรรค์แห่งการออกแบบวิถีชีวิตการทำงานยุคใหม่ได้ที่ WURKON ผู้เชี่ยวชาญในการออกแบบพื้นที่สำนักงานและพื้นที่สาธารณะสมัยใหม่ www.wurkon.com
สามารถติดตามข่าวสารทุกวันได้ที่ : www.facebook.com/WURKON
สอบถามข้อมูลได้ที่ Tel : 02-005-3550 Fax : 02-005-2557
Official Line : @wurkon (มี @ ด้วย) / Twitter : @wurkon
Follow Instagram : @wurkon