สตรีที่ไม่ได้เป็นแค่ไม้ประดับในโลกศิลปะ
20 มีนาคม 2563
เนื่องในวาระวันสตรีสากล ในวันที่ 8 มีนาคมที่ผ่านมา เพจเราก็ขอถือโอกาสกล่าวถึงศิลปินหญิงผู้หนึ่งเพื่อเป็นการรำลึกถึงความสำคัญของวันนี้กันบ้าง ถึงจะช้าไปหน่อยแต่ก็ยังดีกว่าไม่พูดถึงเลย
นับแต่อดีตกาลนานมา บทบาทของ ‘ผู้หญิง’ ในโลกศิลปะ มักจะถูกกีดกันและกดขี่โดยเหล่าศิลปินเพศชาย ผู้มักจะถือสิทธิ์ผูกขาดวงการศิลปะเอาไว้แต่เพียงฝ่ายเดียวมาตลอด จริงอยู่ ที่อาจจะมีศิลปินหญิงให้เห็นอยู่ในวงโคจรของโลกศิลปะบ้าง แต่พวกเธอเหล่านั้นก็ไม่ค่อยได้รับการยอมรับหรือมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันสักเท่าไหร่ ส่วนใหญ่พวกเธอมักจะเป็นที่รู้จักแค่ในฐานะนางแบบแสนสวยให้กับเหล่าศิลปินชาย ซึ่งเปรียบเสมือนแค่ไม้ประดับของวงการศิลปะก็เท่านั้น
ถึงแม้ในปัจจุบัน สถานภาพของเหล่าศิลปินเพศหญิงในโลกศิลปะจะได้รับการยอมรับและยกระดับให้ทัดเทียมกับศิลปินเพศชาย จะด้วยกระแสเรียกร้องสิทธิสตรีและอีกหลาย ๆ ปัจจัยอะไรก็ตามแต่ หากแต่ถ้าเทียบกันเป็นอัตราส่วนแล้ว ศิลปินหญิงก็ยังถือว่ามีจำนวนน้อยกว่าอยู่ดี ทั้ง ๆ ที่ในความเป็นจริงแล้ว ฝีไม้ลายมือหรือความคิดความอ่านของพวกเธอก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าเหล่าศิลปินเพศชายทั้งหลายเหล่านั้นเลย เผลอ ๆ บางครั้งอาจจะเก่งกว่าเสียด้วยซ้ำไป!
ลองสังเกตดูง่าย ๆ ว่า บรรดาหนังชีวประวัติศิลปินทั้งหลายแหล่ ก็ล้วนหยิบยกเอาเรื่องราวและประวัติชีวิตของเหล่าศิลปินชายมาทำทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น ไมเคิลแองเจโล, แวน โก๊ะห์, ปิกัสโซ่, โมดิกลิอานี่, แจ็กสัน พอลล็อค, ฌอง มิเชล บาสเกีย และ แอนดี้ วอร์ฮอล เป็นต้น
ส่วนเรื่องราวของเหล่าศิลปินหญิงที่ถูกนำมาสร้างเป็นหนังกลับมีน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย แถมเรื่องที่โดดเด่นก็มักจะเป็นเรื่องราวของโศกนาฏกรรมในชีวิตของพวกเธอเหล่านั้นไปเสียอีก อาทิเช่นใน Camille Claudel (1988) ที่ถ่ายทอดเรื่องราวชีวิตอันแสนเศร้าของประติมากรสาวเมืองน้ำหอมผู้เปี่ยมพรสวรรค์ (แต่อาภัพอัปภาคย์) อย่าง คามิลล์ คลอเด็ล ผู้มีชื่อบันทึกในประวัติศาสตร์ศิลปะให้เป็นเพียงแค่ศิษย์สาวและชู้รักผู้วิกลจริตของ ออกุสต์ โรแดง ประติมากรผู้ยิ่งใหญ่เท่านั้นเอง
แต่ในบรรดานั้นก็มีหนังเรื่องหนึ่งที่ถ่ายทอดเรื่องราวชีวิต ตัวตน และผลงานของศิลปินหญิงผู้หนึ่ง ที่ถึงแม้จะถ่ายทอดออกมาในเชิงโศกนาฏกรรม แต่ก็ทำออกมาได้งดงาม สมศักดิ์ศรีศิลปินเจ้าของเรื่องเป็นอย่างยิ่ง
ศิลปินหญิงผู้นั้นมีชื่อว่า ‘ฟรีด้า คาห์โล’ (Frida Kahlo)
หรือในชื่อจริงว่า ‘แมกดาลีนา คาร์เม็น ฟรีด้า คาห์โล อี คาลเดอรอน’ เกิดในเมืองเล็ก ๆ ชายแดนเม็กซิโกซิตี้ เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 1910 (เธอมักจะบอกว่าเธอเกิดวันที่ 7 กรกฎาคม 1910 แต่ในความจริงนั้นสูติบัตรของเธอลงว่าเธอเกิดวันที่ 6 กรกฎาคม 1907 เหตุเพราะเธอต้องการให้ปีเกิดของเธอตรงกับปีของการปฏิวัติแม็กซิกัน เพื่อที่ว่าชีวิตของเธอจะได้เริ่มต้นพร้อมๆ กับการถือกำเนิดของยุคสมัยใหม่ของแม็กซิโก) บิดาของเธอเป็นชาวฮังกาเรียนเชื้อสายยิว มารดาเป็นลูกครึ่งอินเดียนแดงและสเปน ชื่อกลางว่า ฟรีด้า ของเธอนั้นมาจากภาษาเยอรมันว่า Frieda ที่แปลว่า "สันติภาพ" แม้ในสูติบัตรจะเขียนว่า Frida แต่เจ้าของชื่อเองก็สะกดชื่อตนว่า Frieda ตามแบบเยอรมัน จนกระทั่งอีกกว่า 20 ปีต่อมา เมื่อนาซีเรืองอำนาจขึ้นในเยอรมนี เธอจึงตัดตัว e ทิ้งไปจากชื่อของตนในที่สุด
ภาพ Self-Portrait with Monkey, 1938 จากเว็บไซต์ https://bit.ly/2U3qMec
ในวัยเด็กฟรีด้ามีสุขภาพอ่อนแอ เมื่ออายุได้ 6 ขวบเธอป่วยเป็นโรคไขสันหลังอักเสบและโปลิโอ เมื่อโตเป็นสาว เธอประสบอุบัติเหตุร้ายแรงจากการที่รถประจำทางที่เธอโดยสารชนกับรถราง เป็นเหตุให้ฟรีด้าซึ่งในขณะนั้นมีอายุเพียง 18 ปี กระดูกสันหลังหัก กระดูกไหปลาร้าแตก กระดูกซี่โครงหัก กระดูกเชิงกรานแตกกระดูกขาขวาและเท้าแตกอีกนับไม่ถ้วน ราวเหล็กของรถเมล์แทงลำตัวด้านขวาทะลุช่องคลอด ส่งผลให้สุขภาพของเธออ่อนแอไปตลอดชีวิต และมีลูกไม่ได้นับตั้งแต่นั้น ด้วยความที่ต้องนอนซมอย่างทุกข์ทรมานและความอ่อนแอจากความเจ็บป่วย บิดาของเธอจึงสนับสนุนให้เธอหัดวาดรูปในขณะที่พักฟื้นอยู่ จนเธอหันเหมาสนใจศิลปะตั้งแต่นั้นมา
ซึ่งมันก็นำพามาให้เธอได้พานพบกับจิตรกรหนุ่มผู้ยิ่งใหญ่และมีชื่อเสียงที่สุดของเม็กซิโกในเวลานั้นอย่าง ดิเอโก้ ริเวร่า ซึ่งทั้งคู่ตกหลุมรักและแต่งงานกันในที่สุด
หลังจากที่ทั้งคู่แต่งงานกัน ดีเอโก้ ได้ถ่ายทอดความรู้ ทัศนคติ รสนิยมทางศิลปะทั้งหมดให้กับเธอรวมถึงสนับสนุนให้ฟรีด้าเขียนรูปและชักนำให้เธอได้รู้จักกับคนในวงการศิลปะและศิลปินชั้นนำต่าง ๆ มากมาย เขามักจะกล่าวชมภาพเขียนของเธอด้วยความจริงใจ และมักจะแนะนำกับเพื่อนฝูงอยู่เสมอว่าเธอเป็นจิตรกรตัวจริง “ภาพเขียนของผมมักถ่ายทอดแต่สิ่งที่เห็นภายนอก แต่ของฟรีด้านั้น เธอเขียนสิ่งที่อยู่ภายใน” ดีเอโก้กล่าว
แต่ชีวิตรักของทั้งคู่ก็ไม่ราบรื่นเพราะดีเอโก้มีนิสัยเจ้าชู้มากรักหลายใจ (ประมาณว่าคลำดูแล้วไม่มีหาง ก็เอาได้หมด ว่ากันว่าเขาถึงกับมีสัมพันธ์สวาทกับน้องสาวของฟรีด้าด้วยซ้ำ) จนทำให้เธอหันเหมามีสัมพันธ์สวาทกับผู้ชายและผู้หญิงมากหน้า (ซึ่งเธอมีแนวโน้มที่จะเป็นไบเซ็กช่วลอยู่แล้ว สังเกตได้จากรสนิยมในการแต่งกายเป็นผู้ชายตั้งแต่สมัยยังสาวๆ หนึ่งในชู้รักของเธอคือ ลีออน ทรอตสกี้ นักปรัชญาและนักปฏิวัติคอมมิวนิสต์เรืองนามชาวรัสเซีย ผู้ก่อตั้งกองทัพแดงแห่งโซเวียต) ผลจากชีวิตคู่อันล้มเหลว และความทุกข์ทรมานจากสุขภาพอันทรุดโทรมย่ำแย่ที่เกิดจากการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุในช่วงวัยรุ่นและโรคเรื้อรังในช่วงวัยกลางคน ทำให้เธอตัดสินใจจบชีวิตของตัวเองลงในวัยเพียงแค่ 44 ปีเท่านั้นเอง
ผลงานศิลปะของฟรีด้ามีความโดดเด่นอยู่ตรงความซื่อบริสุทธิ์ จริงใจ เธอได้รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมท้องถิ่นของเม็กซิกันด้วยสีสันอันสดใสและการใช้สัญลักษณ์ต่าง ๆ ในภาพเขียน ผลงานของเธอถูกยกให้เป็นสัญลักษณ์ของชนชาติและประเพณีดั้งเดิมของแม็กซิกัน เนื้อหาในภาพเขียนของเธอส่วนใหญ่เป็นการถ่ายทอดอารมณ์และความรู้สึกภายในออกมา ทั้งอารมณ์รัก อารมณ์โกรธ ความเศร้า ความเจ็บปวด ความผิดหวัง ภาพเขียนของเธอมักจะบ่งบอกถึงความร้าวรานในชีวิตคู่ ความทุกข์ทรมานจากอาการเจ็บป่วย เธอมักจะเขียนภาพเหมือนของตัวเอง โดยเธอมักจะกล่าวว่า
“ที่ฉันเขียนภาพเหมือนตัวเอง เพราะฉันมักจะอยู่อย่างโดดเดี่ยว และอีกอย่าง ตัวฉันเองก็เป็นสิ่งที่ฉันรู้จักดีที่สุด”
ภาพ ฟรีด้า คาห์โล, Autoritratto, 1940 จากเว็บไซต์ http://www.lestroverso.it/frida-khalo-larte-di-riflettersi/
ถึงภาพวาดของฟรีด้าจะถูกจัดให้อยู่ในตระกูลศิลปะเซอร์เรียลิสม์และนาอีฟ* และเคยออกแสดงกับกลุ่มเซอร์เรียลิสม์ในยุโรป แต่เธอก็ไม่จำกัดตัวเองอยู่ในกลุ่มเซอร์เรียลิสม์หรือศิลปะตระกูลไหน ๆ เลย
“ฉันวาดความเป็นจริงส่วนตัวของฉัน ฉันวาดสิ่งที่ผ่านเข้ามาในหัวโดยไม่ได้ผ่านการครุ่นคิดหรือไตร่ตรองใด ๆ ทั้งสิ้น”
ด้วยความที่งานของเธอถ่ายทอดท่วงทำนองและความรู้สึกนึกคิดของสตรีออกมาได้อย่างซื่อสัตย์ ชัดเจนและจริงใจ และแสดงออกถึงประสบการณ์และรูปลักษณ์ของสตรีเพศอย่างไร้การประนีประนอมส่งให้ฟรีด้าได้รับการยกย่องและกลายเป็นแม่แบบของนักสตรีนิยมในช่วงท้ายของศตวรรษที่ 20 ในเวลาต่อมา
น่าเสียดายที่ฟรีด้าเองก็ประสบชะตากรรมเช่นเดียวกับศิลปินเอกของโลกหลายคน ที่ไม่มีโอกาสได้อยู่ชื่นชมความสำเร็จของตัวเอง เธอมีโอกาสแสดงงานเดี่ยวเพียงแค่ครั้งเดียวในชีวิตที่เม็กซิโกในช่วงหนึ่งปีก่อนที่เธอจะเสียชีวิต หลังจากที่เธอเสียชีวิต อีกเนิ่นนานให้หลัง เธอถึงจะเริ่มมีชื่อเสียงจากการที่รัฐบาลเม็กซิกันเพิ่งจะเล็งเห็นคุณค่าและรวบรวมผลงานและสร้างพิพิธภัณฑ์ขึ้นในบ้านเกิดของเธอ ที่มีชื่อว่า 'บ้านสีน้ำเงิน' (The Blue House) หลังจากนั้นเองที่ผลงานของเธอได้เริ่มเข้าไปจับอยู่ในหัวใจของคนรักศิลปะ และกลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับศิลปินและคนทำงานสร้างสรรค์รุ่นหลังทั้งหลาย
ซึ่งในนั้นก็รวมถึง
ผู้กำกับอย่าง จูลี่ เทย์มอร์ และนักแสดงสาว ซัลมา ฮาเย็ค ที่ร่วมมือร่วมใจกันปลุกปั้นชีวประวัติของ
ฟรีดา คาห์โล ให้กลับมีชีวิตโลดแล่นขึ้นมาอีกครั้งในหนัง
Frida (2002)
ที่ถ่ายทอดเรื่องราวชีวิตของฟรีด้าอย่างเปี่ยมสีสัน สวยงาม น่าสนใจ และเปี่ยมไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ไม่แพ้ตัวศิลปินและผลงานศิลปะของเธอเลย ด้วยการจำลองห้วงเวลาอันหยุดนิ่งในภาพวาดทั้งหลายของฟรีด้ามาสร้างเป็นภาพเคลื่อนไหวและต่อเติมเสริมจินตนาการขึ้นมาให้เป็นเหตุการณ์ในหนัง จนทำให้เรารับรู้และเข้าใจถึงอารมณ์ ความรู้สึก สภาวะทางจิตใจ และเหตุผลที่เธอวาดภาพต่าง ๆ เหล่านั้นออกมา
นอกจากนั้น นักแสดงนำและนักแสดงประกอบทั้งหลายในหนัง ก็ทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างยอดเยี่ยมสมบทบาท โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ซัลมา ฮาเย็ค ที่นอกจากจะรับบทโปรดิวเซอร์ และลงมือวาดภาพในหนังเองบางส่วน ด้วยใบหน้าที่คล้ายคลึงฟรีด้าอยู่แล้วของเธอ ประกอบกับการแต่งหน้าเติมคิ้วเสียเหมือนจนเรานึกว่าฟรีด้าตัวจริงมาแสดงเองแล้ว การแสดงของเธอก็ยังเข้าถึงจิตวิญญาณของฟรีด้าได้อย่างน่าทึ่ง จนเธอได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมในปี 2003 อีกด้วย (แต่ก็พลาดไปอย่างน่าเสียดาย) ถึงอย่างไรก็ตาม มันก็ได้กลายเป็นหนังในดวงใจอันดับต้น ๆ เรื่องหนึ่งของคนรักศิลปะจวบจนทุกวันนี้
นาอีฟ* (Naive) เป็นสกุลของงานศิลปะที่เกิดขึ้นจากความประทับใจในความเร้นลับ แรงบันดาลใจจากศิลปะพื้นเมือง ศิลปะเด็ก ศิลปะของชนเผ่าและศิลปะโบราณ และงานศิลปะของศิลปินนอกสถาบัน มีลักษณะคล้ายผลงานเด็ก ไร้เดียงสา ไร้เล่ห์เหลี่ยม (ไม่ว่าศิลปินคนนั้นจะมีอายุเท่าไรก็ตาม) ในช่วงแรก ๆ มันถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นงานแบบเด็กอ่อนหัด แต่กลับเป็นที่นิยมในเวลาต่อมา
ข้อมูลจาก หนังสือ สีเปื้อนฟิล์ม พิษณุ ศุภ. 2547 แพรวสำนักพิมพ์, หนังสือ Frida Kahlo (Taschen 25 Years SpecialEdition), เว็บไซต์ http://www.fridakahlofans.com
ภาพจาก https://goo.gl/sWnBAK, http://goo.gl/jiy4sr ภาพจากหนัง Frida (2002)
#WURKON #Art #frida #femaleartist #วันสตรีสากล
#internationalwomensday#biopic #แรงบันดาลใจจากงานศิลปะ
สนใจดูข้อมูลเทรนด์การออกแบบผังออฟฟิศยุคใหม่ได้ที่ : www.wurkon.com
สามารถติดตามข่าวสารทุกวันได้ที่
: www.facebook.com/WURKON
Tel : 02-005-3550 Fax
: 02-005-2557