Syd Mead กับดีไซน์แห่งอนาคต

31 ธันวาคม 2562

วันที่ 30 ธันวาคม 2019 โลกดีไซน์และโลกภาพยนตร์ได้สูญเสียนักออกแบบคนสำคัญผู้เป็นเจ้าของผลงานดีไซน์แห่งอนาคตไป

หลายต่อหลายครั้งที่ภาพเงาอันรางเลือนของอนาคตถูกสะท้อนผ่านงานศิลปะ ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายทอดด้วยภาพผ่านงานทัศนศิลป์อย่างจิตรกรรม หรือด้วยการเล่าเรื่องราวผ่านตัวหนังสือในงานวรรณกรรม แต่งานศิลปะที่ถ่ายทอดเรื่องราวของอนาคตได้ชัดเจนและบ่อยครั้งที่สุดก็จะเป็นงานศิลปะแขนงที่เจ็ดอย่าง ‘ภาพยนตร์’ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ‘ภาพยนตร์แนวไซไฟ’

บ่อยครั้งที่จินตนาการและความนึกฝันอันกว้างไกลในหนังไซไฟถูกทำให้เป็นจริงขึ้นมาเมื่อเวลาล่วงผ่านไป ไม่ว่าจะด้วยความตั้งใจหรือบังเอิญก็ตามที จินตนาการและความคิดเหล่านี้มักจะถูกถ่ายทอดผ่านการออกแบบในหนัง ซึ่งเรามักจะเรียกการออกแบบเหล่านั้นว่า ‘Futuristic Design’ หรือ ‘ดีไซน์แห่งอนาคต’

แต่มีนักออกแบบเพียงไม่กี่คนในโลกภาพยนตร์ที่สร้างงานออกแบบที่จะถูกเรียกได้เต็มปากว่าเป็น ‘ดีไซน์แห่งอนาคต’ หนึ่งในนั้นก็คือนักออกแบบชื่อ

ซิด มี๊ด (Syd Mead)

เขาเป็นที่รู้จักในฐานะนักออกแบบยานพาหนะล้ำยุคอย่าง รถยนต์ มอเตอร์ไซค์ ยานอวกาศ ฯลฯ ผลงานของเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยกลิ่นอายของโลกยุคอนาคต ด้วยเส้นสายและรูปลักษณ์ที่โฉบเฉี่ยวล้ำสมัย แปลกใหม่ ไปจนถึงประหลาดล้ำ ทำให้เขามักจะถูกเรียกใช้บริการจากหนังไซไฟหลายต่อหลายเรื่อง

ซิด มี๊ด หรือ ซิดนีย์ เจย์ มี๊ด เกิดในวันที่ 18 กรกฎาคม 1933 ใน เซนต์ พอล มินิโซตา ก่อนที่จะย้ายไปอยู่ทางตะวันตกของสหรัฐอเมริกา หลังจากจบไฮสคูล เขาได้เข้าไปรับใช้ชาติอยู่สามปีในกองทัพฯ หลังจากนั้นก็กลับไปศึกษาต่อที่ Art Center School ใน ลอส แองเจลิส และจบการศึกษาในปี 1959 ต่อมาเขาได้เข้าไปฝึกงานในบริษัท ฟอร์ด มอเตอร์ อยู่สองปี หลังจากหาประสบการณ์ในฐานะนักออกแบบอยู่ระยะหนึ่ง ในปี 1970 เขาก็ได้ก่อตั้งบริษัท Syd Mead Inc. ของเขาขึ้นในดีทรอยต์ มิชิแกน และได้รับการตอบรับและว่าจ้างงานจากลูกค้าเป็นจำนวนมาก ทั้งงานออกแบบตกแต่งภายใน ออกแบบเครื่องใช้ไฟฟ้า ยานพาหนะ ฯลฯ จนมีชื่อเสียงอย่างกว้างขวางในฐานะนักออกแบบชั้นนำคนหนึ่งของวงการ

ในปี 1975 - 1979 หลังจากที่เขาย้ายไปพำนักและทำงานที่แคลิฟอร์เนีย กิจกรรมทางการออกแบบของเขาขยายพรมแดนออกไปมากขึ้น เขาเริ่มรับงานออกแบบให้กับสตูดิโอหนังใหญ่ ๆ ของฮอลลีวูด ในหนังอย่าง Star Trek: The Motion Picture (1979) ตามมาด้วย 2010: Odyssey Two (1984), Short Circuit (1986), Aliens (1986), Time Cop (1994), Johnny Mnemonic (1995) และ Mission Impossible 3 (2006)

แต่ผลงานการออกแบบในหนังที่โดดเด่นที่สุดของเขา เห็นจะเป็นการออกแบบยานพาหนะล้ำสมัยในหนังอย่าง Blade Runner (1982) และ Tron (1982) ซึ่งมีทั้งรถยนต์ ยานบิน จักรยานยนต์ ที่มีดีไซน์โฉบเฉี่ยวล้ำกาลเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การออกแบบยวดยานที่ขับขี่กันในโลกเสมือนจากหนัง Tron ภาคแรก ที่โดดเด่นล้ำยุคล้ำสมัยและเปี่ยมไปด้วยวิสัยทัศน์แห่งอนาคตเสียจนผู้สร้างหนังภาคต่ออย่าง Tron Legacy (2010) ต้องยังหยิบยืมเอาสไตล์ในการออกแบบของเขามาใช้เป็นแรงบันดาลใจในการดีไซน์ยานพาหนะต่าง ๆ ในหนังภาคต่อที่สร้างขึ้นมาในเวลาห่างกันถึง 28 ปีให้หลังเลยทีเดียว 

ซิด มี๊ด เสียชีวิตในวันที่ 30 ธันวาคม 2019 เหลือทิ้งไว้แต่แรงบันดาลใจของงานดีไซน์แห่งอนาคตสู่คนรุ่นหลัง

อนึ่ง รูปทรงและเส้นสายอันโฉบเฉี่ยวในงานออกแบบของ ซิด มี๊ด ได้แรงบันดาลใจมาจากงานออกแบบสไตล์ สตรีมไลน์ (Stream Line)* ที่เฟื่องฟูอยู่ในยุค 1930 นั่นเอง

*สตรีมไลน์ (Stream Line) : หมายถึงสไตล์ในการออกแบบอุปกรณ์ไฟฟ้าและข้าวของเครื่องใช้ในบ้านรวมถึงยวดยานพาหนะ ซึ่งเริ่มต้นขึ้นในทศวรรษที่ 1930 ลักษณะเด่นของงานออกแบบสไตล์นี้ก็คือมีผิวเรียบมันวาว รูปทรงโค้งมน ซึ่งมีที่มาจากการทดลองเพื่อค้นหารูปทรงของยานพาหนะแบบแอโรไดนามิค ที่เชื่อกันว่าลดทอนแรงเสียดทานของอากาศหรือน้ำ และทำให้ยานพาหนะเคลื่อนที่ไปข้างหน้าได้เร็วที่สุด ในยุคนั้นสตรีมไลน์กลายเป็นสัญลักษณ์ของ “ความก้าวหน้า” และ “การพัฒนา” ด้านเทคโนโลยีและสังคม และมีผลถึงขั้นส่งให้สหรัฐอเมริกาผงาดขึ้นมาเป็นผู้นำด้านการออกแบบของโลกเป็นครั้งแรก

ข้อมูล : https://bit.ly/2mMXAXc, https://bit.ly/2LtOWfc, https://bit.ly/2OFCZ46, https://bit.ly/2v9oNYS หนังสือ ดีไซน์ + คัลเจอร์ 2 - ประชา สุวีรานนท์ (2552) สำนักพิมพ์อ่าน

#WURKON #art #design #sydmead #futuristic #design #movie #แรงบันดาลใจจากงานดีไซน์ #แรงบันดาลใจจากศิลปะ

สัมผัสแรงบันดาลใจจากความคิดสร้างสรรค์แห่งการออกแบบวิถีชีวิตการทำงานยุคใหม่ได้ที่ WURKON ผู้เชี่ยวชาญในการออกแบบพื้นที่สำนักงานและพื้นที่สาธารณะสมัยใหม่ www.wurkon.com

สามารถติดตามข่าวสารทุกวันได้ที่ : www.facebook.com/WURKON 

สอบถามข้อมูลได้ที่ Tel : 02-005-3550 Fax : 02-005-2557

Official Line : @wurkon (มี @ ด้วย) / Twitter : @wurkon

Follow Instagram : @wurkon