การผสานโลกแห่งความเป็นจริงเข้ากับโลกมายา เบื้องหลังฉากและการออกแบบงานสร้างอันงดงามตระการตาในหนัง Ex Machina
15 มีนาคม 2562
ในหนัง Ex Machina (2015) ของผกก. อเล็กซ์ การ์แลนด์ (Alex Garland) นอกจากเนื้อหาที่ว่าด้วยเกมความสัมพันธ์เชิงจิตวิทยาระหว่างมนุษย์กับหุ่นยนต์สมองกล AI (Artificial Intelligence) ที่วิเคราะห์ความเป็นมนุษย์กับเทคโนโลยีได้อย่างลึกซึ้งถึงแก่นแล้ว สิ่งที่น่าสนใจยิ่งไปกว่านั้นก็คือฉากแมนชั่นและห้องทดลองสไตล์โมเดิร์นสุดหรูของ นาธาน (ออสการ์ ไอแซค) อภิมหาเศรษฐีอัจฉริยะไอทีที่เชื้อเชิญพนักงานธรรมด๊าธรรมดาในบริษัทอย่าง เคเลป (ดอห์มนัล กลีสัน) พระเอกของเรื่อง ให้ไปเยี่ยมเยือน ซึ่งฉากที่ว่าก็ไม่ใช่ฉากที่เซ็ตขึ้นในโรงถ่ายหรือใช้ซีจีสร้างขึ้นแต่อย่างใด หากแต่ถูกถ่ายทำโดยส่วนใหญ่ในสถานที่จริงอย่างโรงแรม Juvet ที่อยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศนอร์เวย์ ซึ่งออกแบบโดยสำนักงานสถาปนิก Jensen & Skovdin Architects นั่นเอง
Juvet landscape hotel
โรงแรม Juvet landscape hotel ตั้งอยู่ที่เมือง Valldal ทางตะวันตกเฉียงเหนือของนอร์เวย์ ออกแบบโดยสำนักงานสถาปนิก Jensen & Skovdin Architects มันถูกสร้างขึ้นเพื่อขับเน้นความงดงามตระการตาของขุนเขาและแม่น้ำที่อยู่รายล้อม ประกอบด้วยห้องพักเก้าห้องที่มีกำแพงส่วนหนึ่งทำจากกระจกล้วนเพื่อเปิดให้เห็นทิวทัศน์ธรรมชาติภายนอก ที่พิเศษอีกอย่างก็คือ ไม่มีห้องไหนในโรงแรมนี้ที่เหมือนกันเลย ทุกห้องต่างมีเอกลักษณ์โดดเด่นเฉพาะตัว สร้างสัมผัสแห่งความเป็นส่วนตัวและประสบการณ์แปลกใหม่ให้กับผู้พักอาศัยราวกับเป็นอาคันตุกะของธรรมชาติรอบด้าน
โรงแรมถูกวางคอนเซ็ปต์ให้เป็น "landscape hotel" หรือ "โรงแรมภูมิทัศน์" ห้องพักเจ็ดห้องและสปาถูกสร้างขึ้นในปี 2010 ตามมาด้วยอีกสองห้องที่เหลือในปี 2013 ทั้งๆ ที่มีพื้นที่พอให้สร้างห้องพักถึง 28 ห้อง เนื่องจากทางการนอร์เวย์ออกข้อบังคับว่าจะอนุญาตให้สร้างโรงแรมแห่งนี้ก็ต่อเมื่อมันถูกออกแบบและก่อสร้างให้เข้ากับลักษณะทางกายภาพของภูมิศาสตร์ในพื้นที่เดิม ดังนั้นจึงไม่มีการระเบิดหินหรือทำลายภูมิทัศน์ธรรมชาติดั้งเดิมในพื้นที่ก่อสร้างเลยแม้แต่น้อย
และด้วยแนวคิดที่ว่านี้เอง การตกแต่งภายในของโรงแรมจึงมุ่งออกแบบให้กลืนหายไปกับสภาพแวดล้อมรอบข้าง ด้วยการใช้สีดำเข้ม และโทนสีแบบเอกรงค์ และใช้วัสดุเรียบง่าย เพื่อไม่ให้มันแย่งความสนใจไปจากทิวทัศน์ของธรรมชาติอันงดงามที่รายล้อมอยู่ภายนอก
โรงแรม Juvet เป็นการพานพบกันระหว่างธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ทางวัฒนธรรมของนอร์เวย์ และสถาปัตยกรรมแบบโมเดิร์น โรงแรมภูมิทัศน์แห่งแรกในยุโรปแห่งนี้ตั้งอยู่ในหมู่บ้านชนบทเล็กๆ ของนอร์เวย์ ที่ที่สถาปัตยกรรมสไล์โมเดิร์นปะทะประสานกับธรรมชาติและท้องทุ่งอันเมลืองมลังไปด้วยกลิ่นอายของวัฒนธรรมท้องถิ่น มันแสดงให้เห็นว่านวัตกรรมและความโมเดิร์นนั้นสามารถเดินเคียงข้างกันไปได้กับภูมิปัญญาแบบประเพณีในการก่อสร้างและงานฝีมืออันประณีตแบบดั้งเดิม
ด้วยงานสถาปัตยกรรมที่ผสานตัวเองเข้ากับธรรมชาติอย่างแนบแน่นและวิจิตรพิสดารเช่นนี้นี่เอง ที่ทำให้มันกลายเป็นองค์ประกอบอันสมบูรณ์แบบที่จะขาดเสียไม่ได้เลยในหนัง Ex Machina
และที่สำคัญ มันเป็นประสบการณ์ที่คุณเองก็สามารถสัมผัสได้
นอกจากจะถ่ายทำโดยส่วนใหญ่กันในสถานที่จริงอย่างโรงแรม Juvet ในนอร์เวย์แล้ว บางซีนในฉากนี้ เช่น ห้องรับแขกอันโออ่าตระการตา นั้นถูกถ่ายทำในอีกโลเคชั่นหนึ่ง สถานที่นั้นก็คือบ้านพักฤดูร้อน Summer House Storfjord ที่ออกแบบโดยสำนักงานสถาปนิก Jensen & Skovdin Architects เจ้าเดิมที่ออกแบบโรงแรม Juvet นั่นเอง
Summer House Storfjord
ตั้งอยู่บนโครงสร้างของแนวหินผาทางตอนเหนือของชายฝั่งทางตะวันตกของนอร์เวย์ บ้านพักฤดูร้อนแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นด้วยแนวคิดแบบเดียวกับโรงแรม Juvet ที่ไม่มีการทำลายธรรมชาติแวดล้อมอย่างการตัดไม้หรือระเบิดทำลายหินในพื้นที่เลยแม้แต่น้อย หากแต่ก่อสร้างขึ้นมาอย่างสอดประสานกลมกลืนกับภูมิประเทศรอบด้าน
กำแพงของห้องประกอบด้วยเสาสองต้นเคียงขนานกันโดยมีหน้าต่างกระจกใสเปิดให้เห็นทิวทัศน์รอบนอก ด้านหนึ่งของห้องปรากฏหินผาตระหง่านง้ำเป็นกำแพงจากธรรมชาติ ซึ่งเป็นงานก่อสร้างที่สืบสาวรากเหง้ากลับไปถึงงานช่างแบบโบราณในยุคศตวรรษที่ 19 เป็นแนวคิดทางดีไซน์ที่ค้นหาความเชื่อมโยงระหว่างสถาปัตยกรรมและภูมิทัศน์ วัฒนธรรมและธรรมชาติ
ทีมออกแบบงานสร้างของหนังยังเลือกใช้การตกแต่งภายในและเฟอร์นิเจอร์ย้อนยุคแบบมิดเซ็นจูรี-โมเดิร์น เสริมเข้าไปในฉาก ซึ่งดูคลาสสิคเหนือกาลเวลาและไม่เคยล้าสมัย
องค์ประกอบทางดีไซน์ของบ้านพักฤดูร้อนแห่งนี้แสดงให้เห็นถึงธีมหลักในการออกแบบฉากของหนัง Ex Machina ที่เป็นการเน้นความขัดแย้งของโมเดิร์นดีไซน์อันเรียบหรูเนี้ยบกริบกับภูมิทัศน์ในธรรมชาติที่แกร่งกระด้างแต่อลังการสง่างาม
รายละเอียดเกี่ยวกับห้องพักโรงแรม http://www.juvet.com/booking--info/booking--prices
เครดิตภาพจาก Jensen & Skodvin
แถมท้าย ภาพวาดของ แจ็คสัน พอลล็อค นั้นท่านได้แต่ใดมา
ถ้าใครได้ดูหนังแล้ว คงจำฉากหนึ่งในหนังที่ นาธาน พา เคเลป ไปดูภาพวาดสาดสีของศิลปินแอ็บสแตรคเอ็กซ์เพรสชันนิสม์ แจ็คสัน พอลล็อค และใช้มันเป็นอุปลักษณ์ถึงระบบการทำงานของ ai ได้อย่างแหลมคม
และถ้าหากใครสงสัยว่าภาพวาดภาพนี้เป็นของจริงหรือไม่ ก็ไม่ต้องเสียเวลาเดา เพราะมันไม่ใช่ของจริงแน่นอนอยู่แล้ว ก็ภาพวาดภาพนี้ของจริงมันมีราคามากกว่าทุนสร้างหนังเรื่องนี้หลายเท่าน่ะสิ
ภาพวาดในหนังภาพนี้ก็อปปี้มาจากภาพวาดชื่อ No. 5 (1948) ภาพวาดสาดสีหยดสีบนแผ่นกระดานไฟเบอร์ที่เรียกว่า Action Painting หรือ Gestural Abstraction ของพอลล็อค ที่เป็นหนึ่งในภาพวาดร่วมสมัยที่มีราคาแพงที่สุดที่เคยมีการซื้อขายมา ในปี 2006 มันถูกซื้อไปเก็บไว้ในคอลเล็คชั่นส่วนตัวของนักสะสมงานศิลปะผู้หนึ่งในราคาสูงถึง 140 ล้านเหรียญสหรัฐ
เดิมทีพอลล็อคเคยขายภาพนี้ให้นักสะสมงานศิลปะ/ศิลปินแอ็บสแตรค อัลฟองโซ เอ. ออสโซริโซ แต่ภาพเกิดเสียหายระหว่างการขนส่ง ตอนแรกพอลล็อคคิดว่า ออสโซริโซ คงมองไม่ออก (เพราะภาพมันก็ยุ่งเหยิงอยู่แล้ว) แต่เขาดันมองออก พอลล็อคเลยต้องซ่อมภาพนี้ให้ด้วยการสาดสีทับลงไปใหม่อีกรอบทั้งภาพเลย ไปๆ มาๆ มันเลยไม่ใช่การซ่อม แต่เป็นการทำเพิ่มเติมแทนนั่นเอง
ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก http://www.juvet.com/the-juvet-hotel/the-hotel/gallery, http://architecturenorway.no/projects/dwelling/storfjord-2013/, https://www.quora.com/Did-they-use-an-original-Jackson-Pollock-painting-in-Ex-Machina-or-a-replica, https://film-grab.com/2015/07/17/ex-machina/
#WURKON #Architect #art #movie #ExMachina #interiordesign #juvethotel #landscapehotel #LifeStyle #summerhouseStorfjord
สัมผัสแรงบันดาลใจจากความคิดสร้างสรรค์แห่งการออกแบบวิถีชีวิตการทำงานยุคใหม่ได้ที่ WURKON ผู้เชี่ยวชาญในการออกแบบพื้นที่สำนักงานและพื้นที่สาธารณะสมัยใหม่ www.wurkon.com
สามารถติดตามข่าวสารทุกวันได้ที่ : www.facebook.com/WURKON
สอบถามข้อมูลได้ที่ Tel : 02-005-3550 Fax : 02-005-2557
Official Line : @wurkon (มี @ ด้วย) / Twitter : @wurkon
Follow Instagram : @wurkon