Blog

คุยกับ นาทาเนล กลัสคา ศิลปินผู้มองเห็นจิตวิญญาณแห่งธรรมชาติในวัสดุ

คุยกับ นาทาเนล กลัสคา ศิลปินผู้มองเห็นจิตวิญญาณแห่งธรรมชาติในวัสดุ

13 มีนาคม 2562

ในหลายตอนที่แล้ว เรามีโอกาสได้กล่าวถึงนิทรรศการเดี่ยวครั้งแรกในเมืองไทยของ นาทาเนล กลัสคา (Natanel Gluska) ศิลปิน/นักทำเก้าอี้ที่มีชื่อเสียงโด่งดังระดับโลกผู้นี้ไปแล้ว ศิลปินผู้ถือกำเนิดในอิสราเอลแต่อาศัยและทำงานในสวิตเซอร์แลนด์ผู้นี้จบการศึกษาจากสถาบัน Rietveld Academy ในอัมสเตอร์ดัม และทำงานเป็นจิตรกรวาดภาพมาก่อน ก่อนที่เขาจะหันเหมาทำงานเฟอร์นิเจอร์โดยเปิดตัวในงานแสดงผลงานของนักออกแบบหน้าใหม่ไฟแรง Salone Satellite ในงานมหกรรมแสดงเฟอร์นิเจอร์ระดับโลก มิลานแฟร์ ที่ผลักดันให้เขาเป็นที่รู้จักในระดับสากลและเป็นที่สนใจของเหล่าคนรักงานดีไซน์ ซึ่งในจำนวนเหล่านั้นก็รวมถึงบรรดาเซเลปและดีไซเนอร์ชื่อดัง อาทิ ซูเปอร์สตาร์แห่งวงการออกแบบอย่าง ฟิลลิปป์ สตาร์ก ราชันย์แห่งวงการแฟชั่นอย่าง คาร์ล ลาเกอร์เฟลและเจ้าแม่แห่งวงการแฟชั่นอย่าง ดอนนา คาราน ที่ต่างก็เข้ามาจับจองผลงานเฟอร์นิเจอร์อันโดดเด่นเป็นเอกของเขาไปประดับบารมีและรสนิยม

เขาโด่งดังจากการใช้วัสดุจากธรรมชาติที่ยั่งยืนอย่างต้นไม้ นำมาแปรเปลี่ยนด้วยทักษะและประสบการณ์อันช่ำชองจนกลายเป็นงานเฟอร์นิเจอร์หลากหลายรูปแบบที่มีรูปทรงเส้นสายงดงามและเปี่ยมอารมณ์ความรู้สึกไม่ต่างกับงานประติมากรรม

อาทิเช่น ผลงานอย่าง LONG 8 เก้าอี้ยาวที่ได้แรงบันดาลใจจากรูปทรงของเลขอารบิคหมายเลข 8 ที่ถูกยืดยาวเลื้อยล้อไปกับรูปทรงชีวภาพอันอ่อนช้อยของลำต้นไม้ที่เป็นต้นกำเนิดของมัน ด้วยทักษะชั้นเชิงอันเชี่ยวชาญและประณีตบรรจงที่ทำให้ลำต้นไม้กลายเป็นวัตถุอันสวยงามและเต็มเปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณแห่งธรรมชาติ ที่คนสามารถทอดกายลงไปพักผ่อนได้

หรือม้านั่งยาว CROCODILE BENCE ที่ดูราวกับว่าผู้สร้างผลงานมองเห็นจิตวิญญาณของสัตว์ครึ่งน้ำครึ่งบกตัวนี้แฝงเร้นอยู่ภายในท่อนไม้ และเปิดเผยให้เห็นรูปทรงที่แท้จริงของมันออกมา และกล่อมให้มันเชื่องจนกลายเป็นที่รองรับบั้นท้ายของเราก็ปาน

หรือ V STOOL ม้านั่งรูปทรงสมมาตรเส้นสายเรียบง่ายสะอาดตาที่ได้แรงบันดาลใจมาจากรูปทรงอันเย้ายวนของอิตถีเพศ ซึ่งผสมผสานรูปลักษณ์เรียบง่ายลดทอนแบบสมัยใหม่เข้ากับสัมผัสอันอบอุ่นอ่อนโยนของวัสดุธรรมชาติเอาไว้ด้วยกันอย่างลงตัว

หรือ THE MAJESTIC ที่นำเอาไม้เก่ารีไซเคิลชิ้นเล็กชิ้นน้อยนำมาประกอบกันเป็นชุดโต๊ะเก้าอี้ที่แสดงถึงเนื้อแท้ของรูปทรงที่ไม่ใช่แค่การเคารพวัตถุดิบดั้งเดิม หากแต่ยังแสดงออกถึงความงามที่สะท้อนตกกระทบบนพื้นผิวที่แตกต่างกันด้วย

นอกจากไม้แล้ว เขายังใช้วัสดุอื่นๆ ที่แตกต่างหลากหลาย อาทิเช่น ทองแดง ที่เขาใช้ทำงานศิลปะในร่างทรงเฟอร์นิเจอร์ที่ใช้รูปร่างของตัวเขาเองในท่วงท่าต่างๆ เป็นต้นแบบในการสร้างสรรค์ไม่ว่าจะเป็น โคมไฟ Fisherman ที่เป็นรูปหล่อของตัวเขานั่งตกปลา หรือโต๊ะ Little Strong Man ที่เป็นรูปหล่อตัวเขายืนหยัดเป็นคู่แฝดแบกบานโต๊ะต่างขา (รูปหล่อทุกตัวสวมหมวกแก๊บใบเก่งอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเขา)

หรือเก้าอี้ Kopitiam ที่เขานำเอาเก้าอี้พลาสติกที่เราพบเห็นเกร่อเกลื่อนกลาดในทุกแห่งหน มาหุ้มบุด้วยหนังแท้ที่ตัดเย็บอย่างดีจนกลายเป็นเก้าอี้สุดหรูหราที่เป็นการเสียดสียั่วเย้างานดีไซน์ชั้นสูงและยกระดับงานดีไซน์บ้านๆ แบบประชานิยมให้กลายเป็นของหรูหราล้ำค่าไปได้

ผลงานของเขาแตกต่างไปจากงานเฟอร์นิเจอร์ทั่วๆ ไป ด้วยรูปร่างหน้าตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกและบุคลิกลักษณะอันพิเศษเฉพาะตัวอย่างยากจะหาใครเสมอเหมือน ทำให้คนที่ซื้อผลงานของเขาไม่ใช่คนทั่วๆ ไป หากแต่เป็นคนที่รู้แน่ชัดว่าตัวเองต้องการอะไร และมีความสนใจในความรุ่มรวยและหลากหลายทางวัฒนธรรม

หลังจากนั้นเขาหวนกลับไปสู่งานสองมิติซึ่งเป็นรากเหง้าดั้งเดิมของเขา หากแต่ก็ยังไม่ทิ้งลายมือและทักษะอันช่ำชองในการเล่นกับวัสดุธรรมชาติอย่างไม้ ด้วยงานภาพพิมพ์ Woodcut ที่นำเสนอภาพของป่าไม้ในความทรงจำของตัวเองออกมาได้อย่างลุ่มลึกเปี่ยมอารมณ์

ล่าสุด เขานำผลงานทั้งเก่าใหม่มาแสดงในเมืองไทยเป็นครั้งแรกในนิทรรศการที่มีชื่อว่า One for the Birds โดยจัดแสดงที่หอศิลป์ ศุภโชค ดิ อาร์ต เซนเตอร์ (S.A.C. Subhashok The Arts Centre) เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม - 13 พฤศจิกายน 2559 ที่ผ่านมา

เราบังเอิญได้ไปชมงานนิทรรศการและพูดคุยสนทนากับศิลปินผู้นี้แบบเต็มอิ่มมา ในครั้งนี้ถือเป็นโอกาสอันดีที่จะหยิบเอาบทสัมภาษณ์ชิ้นนี้มาเป็นของฝากให้ผู้อ่านกัน

มาร่วมกันทำความรู้จักกับตัวตน ความคิด แรงบันดาลใจและต้นกำเนิดความคิดสร้างสรรค์ของ ศิลปินผู้มองเห็นจิตวิญญาณแห่งธรรมชาติในวัสดุ อย่าง นาธาเนล กลัสคา (Natanel Glaska) ผู้นี้กันดีกว่า

WURKON:

งานเฟอร์นิเจอร์ดีไซน์ของคุณเป็นงานประเภทไหน

นาทาเนล:

ผมไม่ได้ทำงานเฟอร์นิเจอร์ดีไซน์นะ ผมทำงานศิลปะ ผมทำประติมากรรม ผมไม่ได้มีปัญหาอะไรกับนักออกแบบเฟอร์นิเจอร์นะ ผมนับถือพวกเขาแบบเดียวกับที่ผมนับถือคนทำอาหาร คนทำความสะอาด หรือคนกวาดถนน สำหรับผม ทุกอาชีพมีคุณค่าเท่าเทียมกันหมด ทุกคนเป็นศิลปิน แต่ผมไปทำอะไรแบบนั้นไม่ได้ไง มันไม่ใช่ตัวผม ถ้าให้ผมไปนั่งออกแบบเฟอร์นิเจอร์คงทำได้ไม่ถึงวันน่ะ

WURKON:

โอเค งั้นผมเรียกงานของคุณใหม่ว่าเป็น “ประติมากรรมที่นั่งได้” ได้ไหม

นาทาเนล:

จะเรียกอย่างนั้นก็ได้ จริงๆ มันคือประติมากรรมที่มีฟังก์ชั่นน่ะ

WURKON:

ได้ยินว่าก่อนหน้านี้คุณเคยเป็นจิตรกรมาก่อน ทำไมคุณถึงเปลี่ยนมาทำประติมากรรม (ที่นั่งได้) ล่ะ

นาทาเนล:

ก่อนหน้านี้ผมเคยเป็นจิตรกรที่ไม่มีความสุข เพราะผมขังตัวเองเอาไว้ในสตูดิโอ ทำงานในห้องกับกลิ่นของน้ำมันสน สีน้ำมัน สิ่งต่างๆ เหล่านั้นไม่ทำให้ผมมีความสุขอีกต่อไป

WURKON:

ตอนนั้นคุณวาดภาพอะไร

นาทาเนล:

ทุกอย่าง ผมไม่เจาะจงอะไร มันแค่เป็นการทดลองๆๆ ตอนนั้นผมไม่มีความสุข มันเป็นเรื่องภายใน เพราะการโดดเดี่ยวตัวเอง

WURKON:

แต่การทำงานศิลปะมันไม่ใช่การโดดเดี่ยวตัวเองอย่างหนึ่งหรอกหรือ

นาทาเนล:

ตรงข้ามกันเลย ศิลปะเป็นการสื่อสาร นี่คือไอเดียของผมนะ มันเป็นการสื่อสารด้วยภาษาที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ นี่คือเก้าอี้ นี่คือทิวทัศน์ที่ทุกคนรู้จักและสามารถเชื่อมโยงกับมันได้ ไม่ว่าคุณจะมีการศึกษาสูงหรือต่ำแค่ไหน หรือคุณจะมีความสนใจแบบไหนยังไงก็ตาม กลับมาตอนที่ผมวาดภาพอยู่ที่สตูดิโอ ตอนนั้นผมไม่มีความสุข ตอนกลางคืนผมมักจะเล่นสเก็ตบอร์ดบนถนนไปทั่วทั้งคืนด้วยอารมณ์ขุ่นมัวและไม่มีความสุขเลย คืนหนึ่ง ผมเข้าไปในป่า ผมต้องหยุดชะงักเพราะเจอกับขอนไม้วางอยู่ ไม่รู้ว่าทำไมผมถึงหยุดชะงัก ผมมองขอนไม้นั้น จู่ๆ มันก็ความรู้สึกอะไรบางอย่างที่ชัดเจนขึ้นมาเลยว่ามันคือเก้าอี้ตัวหนึ่ง เหมือนมันมีแสงสว่างวาบขึ้นมาน่ะ ผมอธิบายไม่ถูก มันเหมือนอะไรที่กระจ่างแจ้ง

WURKON:

คุณบอกว่าคุณเห็นเก้าอี้อยู่ในขอนไม้ท่อนนั้นเหรอ

นาทาเนล:

ใช่ อย่างกระจ่างแจ้งชัดเจนที่สุดสำหรับผม ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางมันราว 80 ซ.ม. สูงประมาณ 1 เมตร มันมีสี่ชิ้น ผมผลักมันให้ล้มลง และกลิ้งมันไปทั้งคืน

WURKON:

มันเป็นไม้ของใครเหรอครับ

นาทาเนล:

ไม่มีใครเป็นเจ้าของ ถ้าผมไม่เอาไปมันก็จะกลายเป็นไม้ฟืน เพราะสภาเมืองสั่งให้ตัดต้นไม้แล้วย่อยเป็นชิ้นๆ ผมกลิ้งไม้สามท่อนนี้ไปจนเช้าถึงริมทะเลสาบ วันถัดมาผมกลับมาพร้อมกับเลื่อยยนต์ หลังจากนั้นอีกห้าปีต่อมาผมก็หยุดไม่ได้ เก้าตัวแล้วตัวเล่าถูกทำออกมา มันเป็นอะไรที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันมากๆ

the long 8 chair

Crocodile Bench

WURKON:

คุณเคยถามตัวเองไหมว่าทำไมถึงต้องเป็น “เก้าอี้”

นาทาเนล:

ไม่เคยนะ เพราะผมเคยเก็บสะสมเก้าอี้ที่คนทิ้งบนถนน เอามาเปลี่ยนอะไหล่ ซ่อมแซม ทำให้มันเหมือนใหม่ ผมรักเก้าอี้เสมอมา ผมเขียนภาพเก้าอี้ สเก็ตซ์ภาพเก้าอี้ หรือซ่อมเก้าอี้มาตลอด คุณไม่จำเป็นต้องถามหรอก ว่าทำไมบางคนถึงชอบรถยนต์ โอผมชอบรถยนต์บางคันเป็นพิเศษ แต่ผมก็ไม่ค่อยแคร์กับมันเท่าไหร่นัก ส่วนเก้าอี้ เก้าอี้มีบอดี้ มีขา มันตลก มันเศร้า มันมีบุคลิก สำหรับผม มันเกือบเหมือนมนุษย์เลยน่ะ

WURKON:

ผมได้ยินว่าดีไซเนอร์ชื่อดังอย่าง ฟิลิปป์ สตาร์ก ก็สะสมเก้าอี้ของคุณด้วย

นาทาเนล:

ใช่ ผมได้ออเดอร์จาก ฟิลิปป์ สตาร์ก ทุกปีน่ะ

WURKON:

ตลกดีนะ เพราะเขาเองก็ออกแบบเก้าอี้ด้วยเหมือนกัน

นาทาเนล:

โดยสัตย์จริงนะ ผมไม่ค่อยคลั่งใคล้เก้าอี้ของ ฟิลิปป์ สตาร์ก สักเท่าไหร่ งานของเขาส่วนใหญ่เป็นงานที่ผลิตเป็นจำนวนมาก และทำขึ้นเพื่อให้คนนิยมชมชอบและขายได้เยอะๆ ซึ่งมันก็โอเคนะ แต่มันไม่ใช่เวย์ของผม มีดีไซเนอร์ที่เก่งอย่างน่าเหลือเชื่อที่แม้จะทำงานที่ผลิตจำนวนมากหรือผลิตแค่ไม่กี่ชิ้นอย่าง รอน อาราด (Ron Arad) หรือ...

WURKON:

มาร์ค นิวสัน (Marc Newson)?

นาทาเนล:

ใช่! มาร์ค นิวสัน จริงๆ แล้ว ผมเคยแสดงงานร่วมกับเขาตอนที่เรายังเพิ่งเข้าวงการใหม่ๆ วางอยู่ข้างๆ กันเลย ผมจำได้ตั้งแต่ตอนเริ่มต้น

WURKON:

ในอีกแง่หนึ่งเขาก็ทำประติมากรรมที่นั่งได้แบบกับคุณเหมือนกันนะ

นาทาเนล:

ถูกต้อง!

WURKON:

แต่หลายคนก็บอกว่าเก้าอี้ที่โด่งดังของเขาหลายตัวมันนั่งไม่สบายนะ คุณคิดว่าเก้าอี้จำเป็นต้องนั่งสบายไหม

นาทาเนล:

ไม่จำเป็นขนาดนั้น เอาจริงๆ เวลาคุณเมื่อยเนี่ย คุณสามารถนั่งบนอะไรก็ได้นะ คุณสามารถนั่งบนโต๊ะ บนก้อนหิน บนอะไรก็ตาม ความสบายเหรอ มีเก้าอี้กี่ตัวกันที่นั่งสบายจริงๆ เวลาที่คุณเมื่อยๆ คุณต้องการอะไรจากเก้าอี้ล่ะ? บางคนทำเก้าอี้ด้วยเป้าประสงค์บางอย่างที่ไม่ใช่ความสบาย ในร้านอาหารคนก็ไม่ได้นั่งเก้าอี้นานหรอก เพราะเดี๋ยวก็ต้องลุกให้ลูกค้าที่เข้ามาใหม่นั่ง ความสบายเหรอ? มันก็สำคัญเหมือนกันแหละ แต่มันไม่ได้สำคัญที่สุด เวลาคุณซื้อเก้าอี้ไปตั้งที่บ้าน บางทีคุณก็ซื้อเอาไปตั้งไว้เฉยๆ อาจเพราะมันทำให้คุณระลึกถึงบางสิ่งบางอย่าง อาจเพราะมันสวย อาจเพราะหลายสิ่งหลายอย่าง แน่นอนว่าคุณมีเก้าอี้ที่นั่งสบายเอาไว้นั่งดูโทรทัศน์ หรือนั่งกินอาหาร โดยส่วนตัวสำหรับผมแล้ว ความสบายมันทั้งสำคัญและไม่สำคัญ

WURKON:

ถ้างั้นสำหรับคุณ ความงามมาก่อนประโยชน์ใช้สอยหรือเปล่า

นาทาเนล:

มันเหมือนถามว่า ไก่กับไข่ อะไรมาก่อนกัน? (หัวเราะ) ผมไม่เคยถามคำถามนี้กับตัวเอง มันไม่สำคัญสำหรับผม สิ่งต่างๆ มันชัดเจนสำหรับผมมากๆ ผมมีเป้าที่หมายชัดเจน

WURKON:

เหมือนที่ ฟิลิปป์ สตาร์ก ออกแบบที่คั้นน้ำมะนาว Juicy Salif ที่มันสวยมากๆ แต่มันใช้งานไม่ได้เรื่องเลย

นาทาเนล:

คุณรู้ไหม นั่นเป็นงานที่ดีที่สุดของเขาเลยนะ ผมคิดว่างานชิ้นนี้เขาใส่ความเป็นประติมากรรมลงในวัตถุที่มีประโยชน์ใช้สอย ถามว่ามันใช้ได้ดีไหม? ไม่ดีก็ไม่เห็นเป็นไรเลย คุณแค่วางมันในครัวคุณแล้วสวย ดูดี เป็นประติมากรรมในบ้านชิ้นหนึ่ง สำหรับผมมันเป็นงานที่ดีที่สุดของเขาแล้ว

WURKON:

ถ้าอย่างงั้นอารมณ์ก็มาก่อนเหตุผลสิครับ

นาทาเนล:

ไม่รู้สินะ ถ้าคุณอยู่ในออฟฟิศ คุณอาจต้องการเก้าอี้ที่นั่งสบายเวลาที่คุณทำงานหลายชั่วโมง มันอาจดูน่าเกลียด แต่มันก็โอเค อารมณ์มันก็ไม่จำเป็นตรงนั้น มันขึ้นอยู่กับการใช้งานของสิ่งนั้นๆ ในสถานที่และเหตุผลที่แตกต่างกันไป

WURKON:

แล้วคุณกำลังมองหาอะไรอยู่

นาทาเนล:

ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าผมกำลังมองหาอะไรอยู่ (หัวเราะ)

WURKON:

แล้วแรงบันดาลใจของคุณล่ะ มาจากไหน

นาทาเนล:

คุณรู้ไหม มันเป็นเรื่องที่ใครๆ ชอบบอกกันว่าคุณต้องออกไปที่นั่นที่นี่เพราะมันจะให้แรงบันดาลใจ สำหรับผมมันไม่สำคัญ ผมมองท่อน้ำ หรือสายไฟที่ยุ่งเหยิงที่เห็นทุกๆ ที่ ในกรุงเทพฯ มันเป็นแรงบันดาลใจอันแสนวิเศษสำหรับผม ผมได้ไอเดียจากสิ่งต่างๆ เหล่านี้ ผมไม่ต้องออกไปไหนเพื่อจะหาแรงบันดาลใจ มันอยู่ที่นี่ ตรงนี้ ทุกๆ ที่รอบๆ ตัวผม

WURKON:

เหมือนที่คุณบอกว่าคุณเห็นเก้าอี้ในขอนไม้น่ะเหรอ

นาทาเนล:

ใช่! มันน่าตื่นเต้นเหมือนกันนะ ผมไม่รู้ว่ามันเชื่อมโยงกันได้ยังไง (คิดนาน) คุณรู้ไหม ถ้าคุณมองอะไรนานๆ พอ และใช้ความจริงใจ คุณจะพบมันเหมือนที่ผมพบเจอ แต่ผมอธิบายมันเป็นคำพูดไม่ได้ มันเหมือนเป็นพลังจากที่อื่น มันเกิดขึ้นกับผมครั้งหนึ่งในชีวิต

WURKON:

คุณหมายถึงพลังจากเบื้องบนน่ะเหรอ

นาทาเนล:

ใช่!

WURKON:

เหมือนที่เคยอ่านเรื่องราวของไมเคิลแองเจโล เขาบอกว่าก่อนที่เขาจะแกะสลัก เขามองเห็นสิ่งนั้นนั้นอยู่ในหินอ่อนอยู่แล้ว เขาก็แค่กระเทาะเปลือกภายนอกให้สิ่งที่อยู่ภายในปรากฏออกมา

นาทาเนล:

ผมเชื่อนะ แน่นอน งานของเขามันไม่ใช่ฝีมือของมนุษย์แน่ๆ มันเป็นผลงานจากเบื้องบน เลโอนาร์โด ดาวินชี ก็เช่นกัน ถ้าเขายอมรับน่ะนะ ยังไงก็ตาม นั่นเป็นครั้งแรกที่ผมได้เผชิญหน้ากับพลังที่ยิ่งใหญ่กว่าเรา ผมไม่รู้ว่าเราจะเรียกสิ่งนั้นว่าอะไร เป็นพระเจ้าหรือเปล่า? ผมไม่อยากใช้คำนี้นะ ผมว่ามันเป็นพลังจากเบื้องบน ที่คนต่างศาสนาเรียกมันในชื่อต่างๆ ในรูปแบบต่างๆ สิ่งนี้ทำให้ผมเชื่อว่ามันมีอะไรบางอย่างที่ยิ่งใหญ่และทรงพลังกว่าเรา ที่คอยดูแลเราอยู่ และสิ่งที่เกิดขึ้นกับผมตอนนั้นมันติดตามและคอยดูแลผมอยู่จนถึงทุกวันนี้ มันเป็นอะไรที่ชัดเจนมาก และมันมอบพลังให้ผม

WURKON:

ที่คุณบอกว่าเห็นเก้าอยู่ในขอนไม้นี่คุณเห็นชัดเจนเลยเหรอ ทั้งรูปทรง เส้นสาย และปริมาตร

นาทาเนล:

เฉพาะในคืนนั้น รูปทรงมันชัดเจนมาก และผมก็ไปเอามันออกมา และชิ้นนั้นมันก็เหมือนเป็นจุดเริ่มต้นให้กับชิ้นต่อๆ ไป ในแต่ละชิ้นมันก็ชัดเจนไปเรื่อย ผมไม่สามารถหยุดได้

WURKON:

แปลว่าคุณไม่เคยร่างแบบก่อนทำงานเลยเหรอ

นาทาเนล:

ผมร่างแบบเยอะมาก เพราะผมไม่สามารถทำงานกับเลื่อนยนต์ได้ทั้งวัน เพราะมันเป็นงานที่ใช้แรงกายหนักมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณอาศัยในยุโรป ในสวิตเซอร์แลนด์ ที่อากาศข้างนอกหนาว 2 องศา และคุณทำงานนอกบ้านตลอดฤดูหนาว มันโหดมากๆ และผมทำมาหลายปี ผมจึงร่างแบบด้วย เพราะไอเดียมันหลั่งใหลมาอย่างบ้าคลั่ง ไอเดียแล้วไอเดียเล่า คุณหยุดไม่ได้ ผมก็ต้องบันทึกมันเอาไว้

WURKON:

คุณเคยทำเก้าอี้ซ้ำแบบกันออกมาไหม หรือคุณทำแค่อย่างละตัวเท่านั้น

นาทาเนล:

แน่นอน ผมเองก็ต้องหาเลี้ยงชีพเหมือนกัน ถ้า ฟิลิปป์ สตาร์ก บอกผมว่าอยากได้เก้าอี้แบบนี้สามตัว ผมก็ต้องทำ แต่แน่นอนว่าแต่ละตัวก็มีความแตกต่างกันเล็กๆ น้อยๆ เพราะมันทำด้วยมือ แต่รูปทรงโดยหลักๆ มันก็เหมือนกัน

WURKON:

แต่ไม่ถึงกับต้องทำออกมาเหมือนกันเป็นร้อยตัวใช่ไหม

นาทาเนล:

ใช่ ขอบคุณพระเจ้าที่ผมไม่ต้องทำถึงขนาดนั้น! (หัวเราะ) ถ้าเป็นแบบนั้นผมต้องตายแหง๋แก๋แน่ๆ เลย

WURKON:

ศิลปินบางคนอย่างเช่น เจฟฟ์ คูนส์ ผลิตงานศิลปะในจำนวนมากๆ ออกมาจากสตูดิโอของเขาโดยไม่ต้องทำด้วยตัวเอง แต่มีทีมงานทำให้ คุณคิดยังไงกับการทำงานศิลปะแบบนี้

นาทาเนล:

ผมไม่มีความเห็นนะ เพราะมันเป็นตัวเขา เป็นชีวิตของเขา เขาอาจจะมีความสุขหรือไม่มี ผมไม่มีสิทธิไปตัดสินเขา มันเหมือนดนตรีน่ะ นักดนตรีบางคนเขียนเพลงที่ยิ่งใหญ่ออกมา แต่คุณเล่นเพลงเดิมๆ ไปเป็นสิบๆ ปีเหมือน The Rolling Stones ที่ตอนนี้ยังเล่นเพลงเดิมๆ อยู่เลยน่ะ แล้วพวกเขาก็ยังได้เงินจากเพลงเดิมๆ พวกนั้นอยู่ มันเป็นเพลงที่ยิ่งใหญ่นะ แต่มันไม่มีอะไรใหม่น่ะ สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับศิลปินก็คือ การได้มีเวลาหยุดพัก เพื่อมีสมาธิและจดจ่อกับงานชิ้นต่อไป ถ้าคุณขายงานชิ้นเดิมๆ ไปห้าหกชิ้นแล้วยังได้เงินอยู่ มันก็ดีสำหรับคุณ ตอนนี้คุณมีเงินมากพอที่จะสูดหายใจลึก ๆ หรือนั่งพักจิบกาแฟและคิดถึงงานชิ้นต่อไป เพราะคุณรู้ไหมว่าเมื่อคุณเป็นศิลปิน คุณต้องคิดค้นสิ่งใหม่ๆ ตลอดเวลา บางครั้งมันเป็นอะไรที่หนักหนาสาหัสมากเลยนะ กับการต้องหาเลี้ยงชีพด้วยการทำงานศิลปะอย่างเดียวเท่านั้น จริงๆ มันก็ยากตลอดเวลาแหละ ผมหวังว่าผมจะขายงานได้มากกว่านี้นะ เพราะผมมีไอเดียเจ๋งๆ อีกมากที่ผมอยากทำ แต่ยังทำไม่ได้ เพราะไม่มีพื้นที่ทำงาน ไม่มีวัตถุดิบ อย่างการหุ้มเก้าอี้พลาสติกด้วยหนังแท้มันก็ไม่ได้ทำได้ในราคาถูกๆ

WURKON:

พูดถึงงานชิ้นนี้หน่อย เก้าอี้ Kopitiam นี่เป็นอะไรที่น่าสนใจมาก มันเป็นการเล่นกับความสูงต่ำ ความมีรสนิยมและไร้รสนิยม เพราะเก้าอี้พลาสติกมันเป็นอะไรที่โหลดาษดื่นและมีราคาถูก แต่คุณกลับเอามาหุ้มหนังอย่างดีจนมันดูเป็นเก้าอี้หรูหราราคาแพง

Kopitiam

นาทาเนล:

ใช่ มันเป็นเก้าอี้ราคาถูกที่สุดแล้ว ตอนนั้นผมไปสิงคโปร์ เหมือนกับที่ผมมาที่นี่ พอไปถึงผมก็เริ่มออกเดินดูสิ่งต่างๆ ถ่ายรูป ผมไม่ค่อยชอบนั่งรถ ผมชอบเดินๆๆ วันแล้ววันเล่า แล้วผมก็ตระหนักว่า เวลาที่คุณไปงานแต่งงาน คุณเจอเก้าอี้พลาสติก คุณไปร้านกาแฟแพงๆ คุณเจอเก้าอี้พลาสติกอยู่หน้าร้าน คุณไปร้านถูกๆ คุณก็เจอเก้าอี้พลาสติกอีก สีสันอาจจะแตกต่างกัน แต่เป็นเก้าอี้แบบเดียวกัน ผมเลยรู้สึกว่าต้องทำอะไรสักอย่างกับมัน

WURKON:

คุณเลยเอามันมาหุ้มหนังเสียเลย

นาทาเนล:

ใช่ แน่นอน มันออกมาน่าทึ่งมาก และผมก็ดันขายมันได้ด้วย น่าประหลาดใจมาก ผมคาดไม่ถึงเลยน่ะ

WURKON:

ด้านในของมันนี่เป็นเก้าอี้พลาสติกจริงๆ เลยเหรอ

นาทาเนล:

ใช่ เก้าอี้พลาสติกๆ ถูกๆ โหลๆ ของแท้แน่นอน

WURKON:

การทำอะไรในลักษณะนี้มันเหมือนกับสิ่งที่เรียกว่า Kitsch ไหม

นาทาเนล:

Kitsch! คุณพูดถึง เจฟฟ์ คูนส์ อีกแล้ว! (ร้องเสียงหลง) โอเค แบบนั้นมันเป็นกิมมิค (ลูกเล่น) น่ะ

WURKON:

แล้วเก้าอี้พลาสติกหุ้มหนังมันไม่ใช่กิมมิคหรอกเหรอ

นาทาเนล:

ไม่นะ มันเป็นความจริงจากใจผม 100% ผมต้องการที่จะให้คุณค่าและความหมายกับบางสิ่งบางอย่างที่คนไม่เคยมองเห็นคุณค่ามันมาก่อน บางสิ่งบางอย่างที่คุณใช้งานมันทุกวัน แต่คุณไม่เคยมองเห็นมัน ผมต้องการบอกกับผู้คนว่า “เฮ้ ดูมันหน่อยสิ”

WURKON:

นอกจากไม้แล้วคุณก็ยังทำประติมากรรมจากวัสดุอื่นๆ ด้วย คุณมีวิธีการเลือกใช้มันยังไง คุณได้แรงบันดาลใจจากวัสดุ หรือคุณมีไอเดียก่อนแล้วค่อยไปเลือกใช้มัน

นาทาเนล:

ผมชอบใช้วัสดุทุกอย่างโดยไม่จำกัด มันขึ้นอยู่กับงานแต่ละชิ้น บางครั้งผมเห็นวัสดุบางอย่างที่ทำให้เกิดแรงบันดาลใจ มีอันนึงที่ผมอยากทำมานานแล้ว คือ ไม่ว่าคุณจะไปไหนในกรุงเทพฯ ไม่ว่าใครจะสร้างหรือซ่อมแซมอะไร เขาจะเอาแผ่นเหล็กบางๆ เป็นคลื่นๆ มาใช้เป็นรั้วกั้น ผมไม่รู้เหมือนกันว่าคุณเรียกมันว่าอะไร

WURKON:

เขาเรียก “แผ่นสังกะสีลูกฟูก” น่ะ นอกจากล้อมรั้วส่วนใหญ่จะใช้ทำเป็นหลังคาบ้าน โดยเฉพาะในบ้านคนยากจนหรือในชุมชนแออัดด้วย

นาทาเนล:

ใช่เลย! นั่นแหละ วัสดุนี้จับใจผมมานานแล้ว ผมอยากทำอะไรสักอย่างกับมัน ผมยังไม่รู้ว่าจะเอาไปทำอะไร แต่มันเป็นตัวเลือกต่อไปของผมแน่ๆ (หัวเราะ) ในกรณีนี้ วัสดุมันดึงดูดใจผม เพราะมันเป็นสิ่งที่มีอยู่ในทุกหนแห่ง เป็นของธรรมดาที่พบเห็นในชีวิตประจำวันที่คนไม่สนใจกับมันเช่นเคย ผมว่ามันสวยมากนะ นั่นแหละ บางครั้งวัสดุก็ให้แรงบันดาลใจกับผม แต่บางครั้งผมก็มีไอเดีย และเลือกใช้วัสดุให้เหมาะกับมัน

WURKON:

แล้วงานในนิทรรศการ One for the Birds ล่ะ มันมีที่มายังไง

33 Birds in a Table

นาทาเนล:

ผมได้แรงบันดาลใจมาจากตอนที่นั่งกินอาหารในร้านข้างถนน แล้วมีนกบินมาเกาะใกล้จนแทบจะสัมผัสมือผม ผมว่ามันเป็นห้วงเวลาที่น่ามหัศจรรย์ มันเลยกลายเป็นที่มาของชื่องานนิทรรศการครั้งนี้นั่นเอง

WURKON:

ในนิทรรศการนี้ ผมสนใจงานชิ้นนึงของคุณที่เป็นโต๊ะทองแดง แต่คุณทำต้นแบบสำหรับหล่อจากไม้แกะสลัก ทำไมคุณถึงต้องทำกระบวนการให้มันซับซ้อนขนาดนั้น

นาทาเนล:

แรกสุดเลย มันให้เอฟเฟกต์ที่แตกต่างและพลังที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง อีกอย่างนึงก็คือ ผมอยากทำงานที่สามารถผลิตซ้ำได้ แต่ในจำนวนจำกัดนะ เพื่อขายให้คนได้มากชิ้นขึ้น

Little Strong Man

WURKON:

องค์ประกอบอีกอย่างที่น่าสนใจของมันก็คือ ขาของโต๊ะมันเป็นรูปตัวคุณเองกำลังแบกโต๊ะอยู่

นาทาเนล:

ใช่ ผมเรียกมันว่า “Little Strong Man” มันเป็นสัญลักษณ์ ผมต้องการทำให้มันดูแตกต่างจากโลกดีไซน์ เป็นอะไรที่เป็นส่วนตัว มีเรื่องราวอยู่เบื้องหลัง อะไรที่ไม่ใช่แค่โต๊ะเรียบๆ มินิมอลๆ ผมต้องการหนีจากงานดีไซน์แบบมินิมอล

WURKON:

คุณไม่ชอบดีไซน์มินิมอลเหรอ

นาทาเนล:

ไม่นะ ผมรักมันนะ แต่มันกลายเป็นอะไรที่ป๊อปปูลาร์ไปหน่อย

WURKON:

เฝือ (Cliche)?

นาทาเนล:

ถูกต้อง (หัวเราะ) และงานชิ้นนี้ก็เป็นปฏิกิริยาของผมต่อสิ่งเหล่านั้น โดยส่วนตัว ผมอยากทำให้มันไม่เป็นแค่โต๊ะ แต่มีเรื่องราวอยู่

WURKON:

เมื่อกี้ได้ยินคุณพูดคำว่า โลกดีไซน์ คุณคิดยังไงกับมัน

นาทาเนล:

มันก็แค่คำคำหนึ่ง ดีไซเนอร์บางคนเป็นศิลปิน ศิลปินบางคนเป็นดีไซเนอร์ เวลาวาดภาพคุณก็ต้องออกแบบมันเหมือนกันใช่ไหม มันเป็นแค่คำพูดคำหนึ่งน่ะ

WURKON:

หมายความว่าคุณไม่ชอบแบ่งแยกสิ่งต่างๆ ออกจากกัน

นาทาเนล:

ใช่ ผมไม่ชอบแบ่งแยก ผมเล่นดนตรีเหมือนกัน ผมเล่นกีต้าร์บลูส์แบบจริงจังเลย เพราะมันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตผม ผมวางกีต้าร์ไว้ข้างๆ ตัว ใกล้ๆ กับที่นอนเลยแหละ นั่นน่าจะเป็นอะไรที่จริงจังแล้วนะ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่ใช่นักดนตรีอาชีพ แต่การเล่นดนตรีมันให้พลังที่จะทำให้ผมดำรงชีวิตต่อไปได้ การเล่นสเก็ตบอร์ดก็เหมือนกัน ผมเล่นจริงจังเลยนะ

WURKON:

เล่นเก่งไหม

นาทาเนล:

เก่งทีเดียว (หัวเราะ) เวลาทำอะไรผมทำเต็มร้อย มันเป็นส่วนสำคัญในชีวิตของผม ผมแยกมันออกจากชีวิตไม่ได้ มันง่ายมากที่จะเอาคนใส่กล่องที่เขียนว่า “นักวิจารณ์ศิลปะ” หรืออะไรก็ตามแต่ เพราะมันง่ายที่คนจะทำความรู้จักและเข้าใจคุณ สังคมต้องการความชัดเจน คุณไม่สามารถเป็นโน่นนี่นั่นได้พร้อมๆ กัน มันยากกว่ามาก

WURKON:

แล้วตัวคุณล่ะ เป็นแบบไหน

นาทาเนล:

ผมเป็นแบบที่ยากๆ นั่นแหละ (หัวเราะ) งานของผมคือเสรีภาพของผม มันไม่มีข้อจำกัดใดๆ

WURKON:

พูดถึงงานภาพพิมพ์ Woodcut (แกะไม้) ของคุณบ้าง ก่อนหน้าที่คุณทำงานจิตรกรรมที่เป็นสองมิติ แล้วคุณก็หันเหมาทำงานประติมากรรมสามมิติ ทำไมคุณถึงหันกลับมาทำงานสองมิติอย่างภาพพิมพ์แกะไม้ล่ะ

นาทาเนล:

สำหรับผมมันเป็นการประนีประนอมกับความจริงที่ว่าตอนนี้ผมไม่สามารถทำงานสามมิติอย่างที่ผมเคยทำได้ เพราะพื้นที่มันไม่พอ และไม่มีวัสดุ ผมเลยถอยหลังก้าวนึง เพราะผมยังต้องทำงานสร้างสรรค์อยู่ Woodcut เป็นอะไรที่อยู่ตรงกลางระหว่างงานสองมิติและสามมิติ ตัวงานที่เสร็จแล้วมันอาจเป็นสองมิติ แต่แม่พิมพ์ไม้ก็ยังอยู่ ร่องรอยการแกะก็ยังอยู่ ความเป็นไปได้อีกหลายอย่างก็ยังอยู่ตรงนั้น และมันก็ทำให้ผมสัมผัสกับประสบการณ์ใหม่ๆ ผมอยากยกระดับงาน Woodcut ไปอีกระดับนึง โดยไม่สนใจว่ามันจะสูงขึ้นหรือต่ำลง ผมอยากทำให้มันแตกต่างกับงาน Woodcut แบบประเพณี ผมเลยผสมมันกับเทคนิคจิตรกรรม

WURKON:

แล้วทำไมมันถึงต้องเป็นภาพของป่า มันมีความหมายอะไรพิเศษไหม

นาทาเนล:

ที่มันเป็นป่าเพราะผมมีความเชื่อมโยงกับมัน เพราะป่ามันเป็นสถานที่ยากที่จะบรรยายได้ในคำพูดไม่กี่คำ มันเป็นสถานที่ที่ไม่มีที่สิ้นสุด มันเป็นสถานที่อันมหัศจรรย์ เป็นสถานที่ที่ทุกอย่างสามารถเป็นไปได้ เป็นสถานที่ที่มีพลังงานท่วมท้น เป็นสถานที่ที่ถือกำเนิดขึ้นด้วยตัวเอง เป็นสถานที่อันยั่งยืน เป็นสถานที่ที่เมื่อคุณเข้าไปแล้วคุณจะได้แรงบันดาลใจ คุณจะรู้สึกเหมือนถูกโอบรัด คุณจะรู้สึกประหลาดใจ มันเปลี่ยนแปลงในทุกวินาที มันเปลี่ยนแปลงในทุกฤดูกาล ผมไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเทพนิยายถึงดำเนินเรื่องราวในป่า ทั้งเรื่องดีและเรื่องร้ายเกิดขึ้นที่นั่น มันให้อาหาร ให้อากาศหายใจ มันเป็นสิ่งมีชีวิต ผมอยากเก็บภาพของสิ่งเหล่านั้นเอาไว้

WURKON:

ป่าที่ว่านั้นมันอยู่ที่ไหน

นาทาเนล:

สำหรับผมมันไม่สำคัญ มันเป็นการเปรียบเปรย เป็นสัญลักษณ์ถึงป่าโดยทั่วไป แน่นอนว่าผมถ่ายภาพป่าในสวิตเซอร์แลนด์มาเป็นต้นแบบในการทำงาน แต่นั่นมันไม่ใช่ประเด็นสำคัญสำหรับผม มันอาจจะเป็นป่าที่ไหนก็ได้ มันเป็นคอนเซ็ปต์ของป่า ไม่ใช่ป่าที่ไหนโดยเฉพาะเจาะจง

WURKON:

ในปัจจุบันโลกเต็มไปด้วยงานดีไซน์อันล้ำสมัยไฮเทค นั่นอาจเป็นเหตุผลให้ดีไซเนอร์อย่าง ฟิลิปป์ สตาร์ก หันมาสนใจอะไรที่เป็นรากเหง้า เรียบง่าย อะไรที่ทำขึ้นด้วยสองมือแบบงานของคุณหรือเปล่า

นาทาเนล:

ถูกต้อง นั่นเป็นสิ่งที่ ฟิลิปป์ สตาร์ก พูดกับผม เขาชอบงานผมเพราะมันไม่ใช้เก้าอี้ที่มีเหมือนๆ กันสามพันตัว แต่ผมก็ชอบอะไรที่ไฮเทคนะ ผมชอบเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่มันน่าทึ่ง ผมเคยทำเก้าอี้ตัวหนึ่งที่ทำด้วยโมเดลด้วยกระดาษแข็ง แล้วเอาไปสแกนสามมิติ แล้วก็ทำออกมาเป็นเก้าอี้ไม้ด้วยเครื่องแกะสลักคอมพิวเตอร์ (CNC) มันออกมาอะเมซิ่งมากๆ มันวิเศษ มันสวยมากๆ

WURKON:

แปลว่าคุณไม่จำกัดตัวเองไว้ที่ใดที่หนึ่ง

นาทาเนล:

ใช่ แต่ที่ผมไม่ทำงานแบบนั้นต่อเพราะพอเราต้องพึ่งพาอะไรหลายๆ อย่าง เราจะสูญเสียสัญชาติญาณไป อีกอย่างการทำเก้าอี้แบบนี้ต้องใช้เงิน 2,500 เหรียญสหรัฐ และใช้เวลา 5 - 6 วัน ใครจะยอมเสียเวลาและเงินขนาดนั้นเพื่อทำเก้าอี้ตัวเดียว เราแค่ทำมันออกมาสนุกๆ แต่ผลลัพธ์มันก็ยอดเยี่ยมเหมือนกัน

WURKON:

พูดเรื่องดนตรี ท่าทางคุณจะชอบดนตรีมากๆ

นาทาเนล:

ดนตรีอยู่ในรากของผม ซึ่งก็คือดนตรีบลูส์ มันจับใจคุณอย่างลึกซึ้ง จะพูดยังไงดี มันเรียบง่าย และมีสัมผัสของความเศร้าอันลึกซึ้ง เพลงบลูส์มีรากเหง้ามาจากแอฟริกา และประติมากรรมของผมก็มีความเชื่อมโยงอย่างมากกับศิลปะแอฟริกัน คุณรู้จักเก้าอี้แอฟริกันใช่ไหม สำหรับผม ผมเห็นความเชื่อมโยงของงานตัวเองกับสิ่งเหล่านั้นอย่างลึกซึ้ง แต่ผมรู้จักเก้าอี้แอฟริกันหลังจากที่ผมทำงานเก้าอี้ของผมนะ คือพิพิธภัณฑ์ Vitra เคยมีโปสเตอร์รูปเก้าอี้แอฟริกัน ตอนผมเห็นมันครั้งแรกผมแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองเลย (หัวเราะ) มันมีความเชื่อมโยงกันอย่างชัดเจน โอเคผมจะเล่าให้ฟังถึงพื้นเพของผมนะ ปู่ของผมมากจากเยเมน ส่วนตาของผมมาจากเชคโกสโลวาเกีย ซึ่งตอนนี้คือสโลวาเกีย พ่อแม่ของผมเกิดที่อิสราเอล ผมอาศัยอยู่ในหลายๆ ประเทศ ยายของผมเคยมีครัวอยู่นอกบ้านเป็นเตาดินเหนียว เธอเคยทำขนมปังในเตาหลุม ผมมีประสบการณ์ในวัยเด็กของผมกับหลากหลายวัฒนธรรม ทุกอย่างอยู่ที่นั่น ประสบการณ์ชีวิตของเราเป็นสิ่งที่เราไม่อาจหลีกหนีมันได้ สิ่งเดียวที่คุณสามารถแสดงออกได้ดีที่สุดคือเรื่องราวของคุณ และนี่คือเรื่องราวของผม

WURKON:

คุณเคยอาศัยอยู่ในประเทศที่มีมาตรฐานการดำเนินชีวิตสูง มีสวัสดิการสังคมดีเยี่ยมอย่างสวิตเซอร์แลนด์ ที่เรียกได้ว่าเป็นประเทศที่เจริญแล้ว พอมาอยู่เมืองไทยที่พูดตรงๆ ว่ามันยังไม่ค่อยพัฒนา คุณคิดยังไงกับประเทศนี้บ้าง

นาทาเนล:

ผมพูดตรงๆ กับคุณนะ สำหรับตัวผม ผมไม่แคร์มมาตรฐานสูงๆ ถึงผมจะมีอพาร์ตเม้นต์ห้าห้อง มันก็ไม่ทำให้ผมมีความสุขขึ้น สุดท้ายคุณก็นอนอยู่บนเตียงเตียงเดียวอยู่ดี ตอนนี้ผมมีอพาร์ตเม้นต์ห้องเดียวเล็กๆ แต่ที่สวิตเซอร์แลนด์ผมมีอพาร์ตเมนต์ขนาด 150 ตารางเมตร มันใหญ่มาก หลังคาสูง วิวก็ดี มีทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณต้องการ แล้วไงล่ะ? มันไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้น ผมสามารถอาศัยอยู่ในตู้คอนเทนเนอร์ได้ ไม่มีปัญหา ถ้าเอามันไปวางไว้ในสภาพแวดล้อมดีๆ มันก็โอเค สำหรับผม มาตรฐานการดำรงชีวิตที่ดี คือการที่ผมได้เป็นตัวของตัวเอง และได้ทำงานที่ผมรัก เหมือนกับการแต่งตัวของผมเนี่ย มันไม่สำคัญหรอกว่าคุณจะแต่งตัวแบบไหน ผมเลือกใส่เสื้อผ้าแบบนี้เพราะความสบาย ที่สำคัญก็คือ ที่สวิตเซอร์แลนด์อากาศมันหนาวเย็นตลอดปี เก้าเดือนน่ะ เราเลยต้องอยู่ในบ้าน ดังนั้นที่อยู่อาศัยของเราก็ต้องใหญ่เพราะคนใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในนั้น เราทำอาหารในบ้าน เรากินอาหารในบ้าน และทำกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมายในบ้านเพราะเราออกไปทำมันข้างนอกไม่ได้ ส่วนที่นี่เหรอ เอาจริงๆ นะ มาตรฐานการดำรงชีวิตที่ดีคือการที่คุณได้ออกไปข้างนอกและเดินๆๆ โอเค อากาศอาจจะร้อนหน่อย แต่เมื่อคุณชินแล้วมันก็สบาย ผมสามารถออกไปข้างนอก เดินไปไหนมาไหนโดยไม่ต้องสวมเสื้อผ้าหน้าห้าหกชั้นแล้วยังรู้สึกหนาวอยู่ มองไปไหนก็มีแต่คนหดหู่ ไม่มีความสุข เพราะมันมืดมัว ไม่มีแสงอาทิตย์ ที่นี่คุณมีแสงอาทิตย์น่ะ! ที่โน่นคุณไม่มีแสงอาทิตย์ มีแต่เมฆสีเทาหนาหนักบนหัวคุณ แน่นอนคุณอาจมีอพาร์ตเมนต์ดีกว่า มีเครื่องทำกาแฟแสนวิเศษ แต่ผมไม่แคร์

WURKON:

แล้วเรื่องการเมืองล่ะ

นาทาเนล:

โอ นี่มันเป็นประเด็นหนักอยู่นะ มันไม่มีที่ไหนที่สมบูรณ์แบบที่สุดหรอก มันมีบางประเทศที่ประชาชนมีสิทธิเสรีภาพและคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าประเทศอื่นๆ เช่นสวิตเซอร์แลนด์เป็นตัวอย่าง ที่มีหลายสิ่งที่ประเทศคุณไม่มี ที่นี่ผมเห็นคนยากคนจนเยอะ ซึ่งทำให้ผมเจ็บปวดมาก สำหรับผมการเมืองคือเรื่องเกี่ยวกับคนที่อยู่บนท้องถนนมีความสุขหรือเปล่า? พวกเขาจะหาเลี้ยงชีวิตตัวเองได้อย่างไร? พวกเขาจะทำอย่างไรเมื่อเจ็บป่วย? สำหรับผมนี่คือประเด็นหลักทางการเมือง และที่นี่มันไม่ค่อยจะสู้ดีนัก ผมเห็นผู้คนทุกข์ยากลำบาก แต่ยังไงก็ตาม ผมก็ยังเห็นพวกเขายิ้มแย้ม และปฏิบัติกับผู้อื่นอย่างดี ที่สวิตเซอร์แลนด์ คุณมีสิทธิเสรีภาพทุกอย่าง รัฐจะดูแลคุณทุกอย่างจนกว่าคุณจะตาย คุณสามารถเกษียนตอนอายุ 60 ออกมาอยู่บ้านเฉยๆ ไม่ต้องทำอะไรเลย แต่มีเงินสวัสดิการให้คุณทุกเดือนไปตลอดชีวิต แต่ผู้คนที่นั่นก็ไม่มีความสุข ไม่รู้สินะ ผมรู้ว่าประเทศนี้กำลังอยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก มันเป็นช่วงของการเปลี่ยนแปลง ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับเวลา แต่สิ่งที่ผมไม่ชอบเลยที่นี่คือตอนนี้มีแต่การสร้างคอนโดมิเนียมเต็มไปหมด ทั้งในเมืองไปจนถึงริมทะเลโดยไม่มีการควบคุม มันเป็นปัญหาใหญ่ และเป็นเรื่องที่น่าเศร้ามาก

WURKON:

หลังจากนี้แล้วคุณจะทำอะไรต่อไป

นาทาเนล:

ก็แค่เดินต่อไป ผมไม่ชอบวางแผนอะไรใหญ่โต ในอนาคตผมแค่อยากอยู่ที่นี่ ทำสิ่งที่ผมทำให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ แค่นั้นแหละ ผมมีไอเดียบ้างหลังจากนี้อยู่เหมือนกัน

WURKON:

คุณจะกลับไปทำประติมากรรมไม้อีกไหม

นาทาเนล:

ไม่รู้สิ (หัวเราะ) ผมอาจจะทำงานกับซีเมนต์ก็ได้ ผมไม่รู้ ผมมีไอเดียบางอย่างนะ ผมอยากทำหัวข้อเกี่ยวกับทะเล มันเป็นส่วนสำคัญอีกอย่างในชีวิตของผม ผมเล่นเซิร์ฟมาหลายปี ผมอาจจะเอาแผ่นสังกะสีมาทำงานเกี่ยวกับคลื่นก็ได้นะ (หัวเราะ) เป็นส่วนผสมของวัสดุที่เป็นตัวแทนเมืองกับธรรมชาติที่แท้จริง ป่า ทะเล และภูเขา ผมทำงานทุกชิ้นเหมือนกับมันเป็นชิ้นสุดท้ายเสมอ เพราะคุณไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ผมเลยไม่อยากวางแผนใหญ่โต มีบางอย่างที่ผมหลงใหล ไม่ว่าจะเป็นแลนด์สเคปและวัสดุบางอย่าง แต่ตอนนี้ผมต้องการมุ่งสมาธิกับงานที่อยู่ตรงหน้าตอนนี้ ผมไม่มีออร์เดอร์หรูๆ เยอะแยะที่จะต้องวางแผนทำ ผมแค่สนุกกับการได้ทำงานที่ผมรักต่อไป และเลี้ยงตัวเองจากมันได้ ผมไม่ชอบวางแผนระยะยาว ก็ต้องคอยดูกันต่อไปแหละ

WURKON:

เราจะรอติดตามผลงานชิ้นต่อไปของคุณนะครับ

นาทาเนล:

ผมเองก็รอติดตามอยู่เหมือนกันว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นต่อไปกับตัวเอง (หัวเราะ) ชีวิตมักจะทำให้ผมประหลาดใจตลอดเวลา ด้วยเรื่องราวที่ยอดเยี่ยมอย่างเหลือเชื่อ ผมต้องการอยู่เพื่อรอเรื่องประหลาดใจเรื่องต่อไปน่ะนะ (ยิ้ม)

ติดตามผลงานของเข้าได้ที่ http://www.natanelgluska.com/

ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก หอศิลป์ ศุภโชค ดิ อาร์ต เซนเตอร์ (S.A.C. Subhashok The Arts Centre)

#WURKON #art #natanelgluska #chairs #furnitureart #sculpture #material #wood #bronze #woodcutprintmaking #subhashoktheartscentre #จิตวิญญาณแห่งธรรมชาติ #วัสดุ #ประติมากรรมที่นั่งได้ #แรงบันดาลใจจากงานศิลปะ

สัมผัสแรงบันดาลใจจากความคิดสร้างสรรค์แห่งการออกแบบวิถีชีวิตการทำงานยุคใหม่ได้ที่ WURKON ผู้เชี่ยวชาญในการออกแบบพื้นที่สำนักงานและพื้นที่สาธารณะสมัยใหม่ www.wurkon.com

สามารถติดตามข่าวสารทุกวันได้ที่ : www.facebook.com/WURKON

สอบถามข้อมูลได้ที่ Tel : 02-005-3550 Fax : 02-005-2557

Official Line : @wurkon (มี @ ด้วย) / Twitter : @wurkon

Follow Instagram : @wurkon



Related Stories

Showroom
Address

71/15 Soi Pattanavate 12, Sukhumvit 71 Road, Prakanong-Nua, Wattana, Bangkok 10110, Thailand

Call Us
  • (66) 02-005-3550
  • (66) 096-391-9462
Fax

(66) 02-005-2557

Opening Hours

Mon - Fri: 08:30 - 17:30